คาถาชินบัญชร สวดเลย เสริมศิริมงคล เมตตามหานิยม ลาภผลเพิ่มพูล

คาถาชินบัญชร ประวัติที่มาของ คาถาชินบัญชร พระคาถาชินบัญชร เป็นคาถาหนึ่งที่มีความสำคัญมายาวนาน ตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงรัชกาลที่ 2 จวบจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นบทสวดมนต์ที่ชาวไทยนิยมสวดเป็นประจำ ด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคล และพุทธคุณอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระคาถาชินบัญชรนั่นเอง

แม้จะไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้แต่งพระคาถาชินบัญชร และมีหลายคนเข้าใจว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี เป็นผู้แต่ง แต่ตามหลักฐานที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ระบุไว้ว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี เป็นผู้ปรับบทสวดจากเดิมที่มีอยู่แล้ว มิได้เป็นผู้แต่งคนแรก

โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ไปสวดพระคาถานี้ถวายองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพอพระทัยอย่างยิ่ง พร้อมรับสั่งว่าไพเราะและตรัสถาม “ขรัวโตได้มาจากไหน แต่งเองหรือเปล่า” สมเด็จพระพุฒาจารย์จึงได้ถวายพระพรตอบว่า “หามิได้ เป็นสำนวนเก่าของเมืองเหนือ นำมาแก้ไขดัดแปลงใหม่ ตัดตอนให้สั้นเข้า ของลังกายาวกว่านี้”

คาถาชินบัญชร

คาถาชินบัญชร ความหมายของ คาถาชินบัญชร

คำว่า ชินบัญชร นั้นมาจากภาษาบาลี  คำว่า ชิน หมายถึง พระพุทธเจ้า คำว่า บัญชร หมายถึง กรง หรือ เกราะ ความหมายโดยรวมของ คาถาชิญชร จึงแปลได้ว่า กรง หรือ เกราะป้องกันภัยของพระพุทธเจ้า ซึ่งเนื้อหาในคาถาในชินบัญชรเป็นการสวดอัญเชิญพระพุทธเจ้า จำนวน 28 พระองค์เสด็จมาสถิตอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เปรียบเสมือนการอาราธนาพุทธคุณเป็นเกราะปกป้องคุ้มกันภัย และเสริมสิริมงคลนานาประการให้แก่ผู้สวดบูชานั่นเอง

จากนั้นจึงเป็นบทสวดอัญเชิญพระอรหันต์ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน 80 องค์ ผู้เลิศด้วยบารมีในด้านต่างๆ และอาราธนาพระสูตรอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ทรงอานุภาพในแต่ละด้าน มาสถิตในทุกส่วนของร่างกายจนรวมกันเป็นกำแพงแก้วคุ้มครอง 7 ชั้น รอบตัวในทุกทิศ จนไม่มีช่องว่างที่อันตรายจะเล็ดลอดเข้ามาได้

 

อานุภาพของ พระคาถาชินบัญชร

คาถาชินบัญชร นี้มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก คำโบราณได้เปรียบได้ว่า ฝอยท่วมหลังช้าง หมายถึง มากมากจนสุดที่จะประมาณได้หมด เพราะทั้งช่วยปกป้องคุ้มครอง ปัดเป่าเคราะห์ร้ายโรคภัยนานา เสริมสิริมงคล เสริมเมตตามหานิยมและโชคลาภ ช่วยขจัดภัยจากคุณไสยและภูติผีปีศาจ หากผู้ใดสวดมนต์ พระคาถาชินบัญชร เป็นประจำ ไม่ว่าจะแบบเต็มหรือแบบย่อ ก็เชื่อว่าสามารถช่วยให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง และคลาดแคล้วจากภัยนานาประการได้ ควรหมั่นสวดเป็นประจำเทอญ

คาถาชินบัญชร

พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้น ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐานว่า

คำภาวนาก่อนสวด

ตั้งนะโม 3 จบ  > ที่มาของบทสวด นะโม 3 จบ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

พระคาถาชินบัญชร ฉบับย่อ

ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา (ภาวนา 10 จบ)

 

พระคาถาชินบัญชร ฉบับเต็ม

ก่อนสวดให้นึกถึง หลวงปู่โต พรหมรังสี แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ว่า

ปุตตะกาโม ละเภปุตตัง   ธะนะกาโม ละเภธะนัง

อัตถิกาเย กายะ ญายะ   เทวานัง ปิยะตัง สุตตะวา

อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ

มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

 

เริ่มสวดบทพระคาถาชินบัญชร 15 บท

  1. ชะยาสะนากะตา พุทธา     เชตวา มารัง สะวาหะนัง
    จะตุสัจจาสะภัง ระสัง        เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
  2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา    อัฏฐะวีสะติ นายะกา
    สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง     มัตถะเกเต มุนิสสะรา.
  3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง        พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
    สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง      อุเร สัพพะคุณากะโร.
  4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ        สารีปุตโต จะทักขิเณ
    โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง  โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
  5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง       อาสุง อานันทะ ราหุโล
    กัสสะโป จะ มะหานาโม      อุภาสุง วามะโสตะเก.
  6. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง        สุริโย วะ ปะภังกะโร
    นิสินโน สิริสัมปันโน          โสภิโต มุนิปุงคะโว
  7. กุมาระกัสสโป เถโร           มะเหสี จิตตะ วาทะโก
    โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง     ปะติฏฐาสิคุณากะโร.
  8. ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ        อุปาลี นันทะ สีวะลี
    เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา       นะลาเต ติละกา มะมะ.
  9. เสสาสีติ มะหาเถรา            วิชิตา ชินะสาวะกา
    เอเตสีติ มะหาเถรา             ชิตะวันโต ชิโนระสา
    ชะลันตา สีละเตเชนะ          อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
  10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ           ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
    ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ        วาเม อังคุลิมาละกัง
  11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ         อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
    อากาเส ฉะทะนัง อาสิ         เสสา ปาการะสัณฐิตา
  12. ชินา นานาวะระสังยุตตา       สัตตัปปาการะ ลังกะตา
    วาตะปิตตาทะสัญชาตา        พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
  13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ            อะนันตะชินะ เตชะสา
    วะสะโต เม สะกิจเจนะ          สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
  14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ           วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
    สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ       เต มะหาปุริสาสะภา.
  15. อิจเจวะมันโต                     สุคุตโต สุรักโข
    ชินานุภาเวนะ                     ชิตุปัททะโว
    ธัมมานุภาเวนะ                   ชิตาริสังโฆ
    สังฆานุภาเวนะ                   ชิตันตะราโย
    สัทธัมมานุภาวะปาลิโต         จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.

 

 คำแปลพระคาถาชินบัญชร ทุกบท

  1. พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์
  2. มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
  3. ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
  4. พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง
  5. พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
  6. มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
  7. พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
  8. พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
  9. ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
  10. พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
  11. พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
  12. อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
  13. ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
  14. ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
  15. ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ

 

 

 

 

เลขเด็ดออนไลน์ ตรวจผลหวยรัฐบาล หวยลาว หวยฮานอย หวยมาเลย์ แนวทางหวย รวบรวมทุกอย่างครบจบในเว็บเดียวเพื่อความสะดวกสบาย และยังมี วิธีการขอหวย สถานที่ขอหวยที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยรวบรวมมาให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านศึกษากันอย่างครบครัน แนวทางที่ทางเว็บเรานำมาแบ่งปันให้คนรักหวยได้ชม.

*** ดวงรายวัน เลขเด็ดมงคล เลขมงคล เลขเสี่ยงทาย ดูดวงจากตัวเลข ทำนายฝัน ***

ต้องที่นี่ >>> เลขเด็ดออนไลน์ <<<

ขอขอบคุณ :  S guru

เรื่องน่าสนใจ

ช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ แก้กรรมยังไง ให้ชีวิตไม่ขัดสน !!

ช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ แก้กรรมยังไง ให้ชีวิตไม่ขัดสน !!

ช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ แก้กรรมยังไง ให้ชีวิตไม่ขัดสน !!   วันนี้ ทางเลขเด็ดออนไลน์ ได้นำเรื่องราวความเชื่อโบราณ ที่เข้ากับช่วงยุคสมัยนี้ มาฝากกัน โควิดระบาดคนรวยต้องกลับกลายเป็นคนจน เชื่อไหมว่าคนโบราณว่าคุณจนเพราะกรรมเก่า ไม่ใช่ค้าขายไม่เก่ง เศรษฐกิจย่ำแย่ คนเฒ่าคนแก่ว่าต้องแก้กรรมเก่าตามนี้ ใครทำตาม ค้าขายย่ำแย่ไม่ต้องปิดกิจการ ไม่เชื่อลองทำตามดู..   คนโบราณว่าเอาข้าวสารไปให้วัด เพราะข้าวสาร เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ในตัว ปลุกเสกได้ โดยเฉพาะหมอผีจะเสกเป่าไล่ผี แต่ข้าวสารตอนนำไปให้วัด คือให้วัดตอนงานบุญ เพราะสมัยก่อนไม่ว่าจะงานประเพณี งานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา กระทั่งงานศพจะมีการทำครัวเลี้ยงพระ เลี้ยงคนในงานวัด คนสมัยก่อนว่าการนำข้าวสารมาร่วมทำบุญจะแก้กรรมสำหรับคนที่มีปัญหาด้านการเงิน โดยให้ดูว่าตนเองอายุเท่าไหร่ ให้บริจาคข้าวสารเกินอายุ หนึ่งปีในหน่วยกิโลกรัม จะใช้วิธีการค่อย ๆ บริจาคไปเรื่อยจนครบ แต่บางคนมีฐานะบ้างจะบริจาคทีเดียวแล้วแต่สะดวก ตอนนำข้าวสารไปที่วัด คนไหนประสงค์จะแก้กรรมให้ไปที่พระประธานตั้งยกมือขึ้นตั้งจิตอธิษฐานว่าหากข้าพเจ้าเคยติดหนี้สงฆ์มาตั้งแต่ปางใด เคยโกงเคยยักยอกทรัพย์ เคยก่อกรรมเก่าใด เพราะข้าพเจ้าไม่เคยทราบ ข้าพเจ้าขอนำข้าวสารนี้มาชำระหนี้สงฆ์ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นภัยทางการเงิน การค้าใดที่ติดขัดด้วยเพราะหนี้การค้า มีปัญหาเรื่องลูกจ้าง ชนะคู่แข่งการค้าตั้งแต่บัดนี้ด้วยสาธุ ควรทำก่อนเที่ยง คติความเชื่อคนโบราณว่าการเงินจะดีขึ้นอย่างปาฏิหาริย์ คนโบราณที่ชอบนั่งกรรมฐานแนะนำว่าควรรักษาศีลนั่งภาวนา ให้ทาน เพราะสาเหตุหนึ่งคือกิเลส จากการไม่รู้จักใช้สอย ไม่รู้จักรักษา […]

ความเชื่อเรื่องเงินใส่ปากศพ

ความเชื่อเรื่องเงินใส่ปากศพ

ความเชื่อเรื่องเงินใส่ปากศพ   เงินใส่ปากศพ การนำเงินใส่ปากศพ ถือว่าเป็นความเชื่อในสังคมไทย มาช้านาน แม้แต่ชาติอื่นๆ ก็มีความเชื่อในเรื่อนี้อยู่ไม่น้อย จะแตกต่างกันในข้อปฏิบัติ ซึ่งในสังคมไทยวิธีปฏิบัติก็คือ จะนำ เงินพดด้วง หรือเงินเหรียญบาทหนึ่งหรือจะเป็นเหรียญสลึงสองสลึงไม่กำหนด แล้วห่อผ้าขาวผูกเชือกไว้หางยาว หย่อนลงในปากศพ ให้เชือกห้อยออกมานอกปาก ถ้าไม่ผูกเชือก จะห่อให้โตพอไม่ให้เลื่อลึกลงไปในลำคอ เพราะเวลานำไปเผาจะได้ เอาออกมาเพื่อเก็บเป็น ที่ระลึกหรือเครื่องรางได้ ในปัจจุบันบางทีก็ใช้ของมีราคา เช่น ทองคำ บรรจุแทนก็ได้ มีคำอธิบาย ไว้หลายเหตุผล ประการแรก การนำเงินใส่ปากศพก็เพื่อผู้ตายจะได้เอา ทรัพย์ติดตัว ไปใช้สอย ในเมืองผี แต่มีข้อสงสัยว่าทำไมจึงใส่เงินในปาก แค่เพียงหนึ่งบาทเท่านั้น แต่ตามความเชื่อของคนจีน จะมีการเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ผู้ตายคราวละมากๆ จะเห็นได้ว่า มีความแตกต่างกันระหว่างความเชื่อของคนไทยกับคนจีน ประการที่สอง เพื่อให้พิจารณาเห็นว่า บรรดา ทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้ แม้มากสักเท่าใด ตายแล้วก็นำติดตัวไปไม่ได้ เขาย่อมควักเอาออกจากปาก สุดท้ายจะเอาไปได้ก็แต่กรรมที่ทำไว้ ซึ่งย่อมติดตามไปคล้ายเงาตน และจะส่งผลให้ได้ รับทุกข์ หรือสุขก็ตามแต่กรรมที่ตนได้กระทำไว้ เพราะฉะนั้น คนเราเกิดมาอย่าได้ ลุ่มหลงอยู่กับ ทรัพย์สมบัติ ประการที่สาม เพื่อให้เป็นค่าจ้างแก่สัปเหร่อที่จะนำศพไปเผา ที่ต้องนำไปใส่ไว้ ในปากเพราะว่าจะได้ค้นหาได้สะดวก […]

รักแค่ไหน ก็ต้องเลิก เปิดดวงคู่รักต้องห้าม ตามปีนักษัตร ที่คุณต้องห้ามพลาด !!

รักแค่ไหน ก็ต้องเลิก เปิดดวงคู่รักต้องห้าม ตามปีนักษัตร ที่คุณต้องห้ามพลาด !!

เปิดดวงคู่รักต้องห้าม ตามปีนักษัตร รักแค่ไหน ก็ต้องเลิก เปิดดวงคู่รักต้องห้าม ตามปีนักษัตร เพื่อนๆเคยสงสัยไหมครับ ? ว่าทำไมคู่รักบางคู่ถึงรักกันดี มีความสุข แต่ทำไมบางคู่ถึงมีแต่ปัญหา ทะเลาะกัน ต้องเสียน้ำตาอยู่บ่อยๆ ทั้งนี้ ตามความเชื่อโบราณบอกไว้ว่า คู่รักที่มีปัญหาตลอดนั้น มีสาเหตุมาจา “ดวงคู่นักษัตรไม่ถูกกัน” จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นตลอด ซึ่งได้แก่ คู่ปีนักษัตร ดังต่อไปนี้ ..   ปีชวด – ปีมะเมีย ทั้งคนปีชวดและปีมะเมียต่างเป็นคนที่มีเสน่ห์ในตัวเอง โดยเฉพาะคนที่เกิดปีมะเมียจะเชื่อมั่นในตนเอง เร่าร้อน และดึงดูดในเพศตรงข้าม จึงมักไม่ค่อยมีคู่เพียงคนเดียว ไม่ชอบคนขี้หึง ในขณะที่คนเกิดปีชวดจะเป็นคนค่อนข้างขี้หึง และเป็นคนอารมณ์ร้อนพอๆ กับคนเกิดปีมะเมีย ที่ทั้งร้อนและยังเอาแต่ใจตัวเอง ร้อนกับร้อนมาเจอกันมักอยู่ด้วยกันไม่ค่อยได้ ปีฉลู – ปีมะแม คนเกิดปีฉลูเป็นคนค่อนข้างนิ่งสงบ จนไม่ค่อยจะโรแมนติก ขาดความยืดหยุ่นในชีวิต หัวโบราณ ดื้อเงียบ แต่มีความมานะ อดกลั้น ขยันทำงาน เจ้าระเบียบ มีกฎเกณฑ์ ส่วนคนที่เกิดปีมะแมชอบทำอะไรที่เรียบง่าย เป็นคนใจอ่อน ไม่นิยมความรุนแรง วิตกจริต […]

ไม่อยากเป็นเปรตห้ามทำ เผยผลกรรม ที่ทำให้ไปเกิดเป็นเปรต !!

ไม่อยากเป็นเปรตห้ามทำ เผยผลกรรม ที่ทำให้ไปเกิดเป็นเปรต !!

ไม่อยากเป็นเปรตห้ามทำ   เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเปรตกันมาบ้าง ผู้ใหญ่มักจะบอกว่าผีเปรตมีลักษณะปากจู๋เท่ารูเข็ม มือใหญ่เท่าใบลาน รูปร่างสูงใหญ่ แต่ผอมแห้ง อดอยาก มักจะร้องเสียงโหยหวนด้วยความทรมาน บ้างก็ว่าเคยเห็นเปรตมาขอส่วนบุญ วันนี้ เลขเด็ดออนไลน์ นำข้อมูลมาบอกกันว่า กรรมอะไรบ้างที่ทำแล้วตายไปต้องกลายเป็นเปรต อยากรู้ลองไปดูพร้อมๆกัน..     เปรต แปลว่า ผู้ล่วงลับ ในทางศาสนาพุทธหมายถึง อมนุษย์พวกหนึ่งที่เกิดในเปตวิสัยซึ่งเป็น ๑ ใน ๔ อบายภูมิ เปรตมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทำร้ายพ่อแม่ ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต แต่ความจริงแล้วยังมีกรรมอีกหลายอย่างที่ทำแล้วจะทำให้กลายเป็นเปรต ดังนี้   1. ให้ยา เงิน หรือให้การสนับสนุนกับคนท้องเพื่อไปทำแท้ง ทำลายเด็กในครรภ์ 2. ผู้ที่ขี้เหนี่ยวไม่สนใจเรื่องการทำบุญทำทาน อีกทั้งยังขัดขวาง กีดกันไม่ให้คนอื่นทำทานสำเร็จ     3. ผู้ที่นำเอาทรัพท์สินของศาสนาและส่วนรวมมาเป็นของตน 4. ผู้ที่ยุงยุงส่งเสริมให้พระสงฆ์และหมู่คณะเกิดความแตกแยก 5. เป็นผู้มีใจขี้อิจฉาริษยาผู้ที่มีเงินทองร่ำรวยกว่าตน ดูถูกผู้ที่ยากจนหรือตกยาก 6. […]