คาถาชินบัญชร สวดเลย เสริมศิริมงคล เมตตามหานิยม ลาภผลเพิ่มพูล

คาถาชินบัญชร ประวัติที่มาของ คาถาชินบัญชร พระคาถาชินบัญชร เป็นคาถาหนึ่งที่มีความสำคัญมายาวนาน ตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงรัชกาลที่ 2 จวบจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นบทสวดมนต์ที่ชาวไทยนิยมสวดเป็นประจำ ด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคล และพุทธคุณอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระคาถาชินบัญชรนั่นเอง

แม้จะไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้แต่งพระคาถาชินบัญชร และมีหลายคนเข้าใจว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี เป็นผู้แต่ง แต่ตามหลักฐานที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ระบุไว้ว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี เป็นผู้ปรับบทสวดจากเดิมที่มีอยู่แล้ว มิได้เป็นผู้แต่งคนแรก

โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ไปสวดพระคาถานี้ถวายองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพอพระทัยอย่างยิ่ง พร้อมรับสั่งว่าไพเราะและตรัสถาม “ขรัวโตได้มาจากไหน แต่งเองหรือเปล่า” สมเด็จพระพุฒาจารย์จึงได้ถวายพระพรตอบว่า “หามิได้ เป็นสำนวนเก่าของเมืองเหนือ นำมาแก้ไขดัดแปลงใหม่ ตัดตอนให้สั้นเข้า ของลังกายาวกว่านี้”

คาถาชินบัญชร

คาถาชินบัญชร ความหมายของ คาถาชินบัญชร

คำว่า ชินบัญชร นั้นมาจากภาษาบาลี  คำว่า ชิน หมายถึง พระพุทธเจ้า คำว่า บัญชร หมายถึง กรง หรือ เกราะ ความหมายโดยรวมของ คาถาชิญชร จึงแปลได้ว่า กรง หรือ เกราะป้องกันภัยของพระพุทธเจ้า ซึ่งเนื้อหาในคาถาในชินบัญชรเป็นการสวดอัญเชิญพระพุทธเจ้า จำนวน 28 พระองค์เสด็จมาสถิตอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เปรียบเสมือนการอาราธนาพุทธคุณเป็นเกราะปกป้องคุ้มกันภัย และเสริมสิริมงคลนานาประการให้แก่ผู้สวดบูชานั่นเอง

จากนั้นจึงเป็นบทสวดอัญเชิญพระอรหันต์ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน 80 องค์ ผู้เลิศด้วยบารมีในด้านต่างๆ และอาราธนาพระสูตรอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ทรงอานุภาพในแต่ละด้าน มาสถิตในทุกส่วนของร่างกายจนรวมกันเป็นกำแพงแก้วคุ้มครอง 7 ชั้น รอบตัวในทุกทิศ จนไม่มีช่องว่างที่อันตรายจะเล็ดลอดเข้ามาได้

 

อานุภาพของ พระคาถาชินบัญชร

คาถาชินบัญชร นี้มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก คำโบราณได้เปรียบได้ว่า ฝอยท่วมหลังช้าง หมายถึง มากมากจนสุดที่จะประมาณได้หมด เพราะทั้งช่วยปกป้องคุ้มครอง ปัดเป่าเคราะห์ร้ายโรคภัยนานา เสริมสิริมงคล เสริมเมตตามหานิยมและโชคลาภ ช่วยขจัดภัยจากคุณไสยและภูติผีปีศาจ หากผู้ใดสวดมนต์ พระคาถาชินบัญชร เป็นประจำ ไม่ว่าจะแบบเต็มหรือแบบย่อ ก็เชื่อว่าสามารถช่วยให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง และคลาดแคล้วจากภัยนานาประการได้ ควรหมั่นสวดเป็นประจำเทอญ

คาถาชินบัญชร

พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้น ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐานว่า

คำภาวนาก่อนสวด

ตั้งนะโม 3 จบ  > ที่มาของบทสวด นะโม 3 จบ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

พระคาถาชินบัญชร ฉบับย่อ

ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา (ภาวนา 10 จบ)

 

พระคาถาชินบัญชร ฉบับเต็ม

ก่อนสวดให้นึกถึง หลวงปู่โต พรหมรังสี แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ว่า

ปุตตะกาโม ละเภปุตตัง   ธะนะกาโม ละเภธะนัง

อัตถิกาเย กายะ ญายะ   เทวานัง ปิยะตัง สุตตะวา

อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ

มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

 

เริ่มสวดบทพระคาถาชินบัญชร 15 บท

  1. ชะยาสะนากะตา พุทธา     เชตวา มารัง สะวาหะนัง
    จะตุสัจจาสะภัง ระสัง        เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
  2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา    อัฏฐะวีสะติ นายะกา
    สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง     มัตถะเกเต มุนิสสะรา.
  3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง        พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
    สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง      อุเร สัพพะคุณากะโร.
  4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ        สารีปุตโต จะทักขิเณ
    โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง  โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
  5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง       อาสุง อานันทะ ราหุโล
    กัสสะโป จะ มะหานาโม      อุภาสุง วามะโสตะเก.
  6. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง        สุริโย วะ ปะภังกะโร
    นิสินโน สิริสัมปันโน          โสภิโต มุนิปุงคะโว
  7. กุมาระกัสสโป เถโร           มะเหสี จิตตะ วาทะโก
    โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง     ปะติฏฐาสิคุณากะโร.
  8. ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ        อุปาลี นันทะ สีวะลี
    เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา       นะลาเต ติละกา มะมะ.
  9. เสสาสีติ มะหาเถรา            วิชิตา ชินะสาวะกา
    เอเตสีติ มะหาเถรา             ชิตะวันโต ชิโนระสา
    ชะลันตา สีละเตเชนะ          อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
  10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ           ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
    ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ        วาเม อังคุลิมาละกัง
  11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ         อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
    อากาเส ฉะทะนัง อาสิ         เสสา ปาการะสัณฐิตา
  12. ชินา นานาวะระสังยุตตา       สัตตัปปาการะ ลังกะตา
    วาตะปิตตาทะสัญชาตา        พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
  13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ            อะนันตะชินะ เตชะสา
    วะสะโต เม สะกิจเจนะ          สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
  14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ           วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
    สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ       เต มะหาปุริสาสะภา.
  15. อิจเจวะมันโต                     สุคุตโต สุรักโข
    ชินานุภาเวนะ                     ชิตุปัททะโว
    ธัมมานุภาเวนะ                   ชิตาริสังโฆ
    สังฆานุภาเวนะ                   ชิตันตะราโย
    สัทธัมมานุภาวะปาลิโต         จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.

 

 คำแปลพระคาถาชินบัญชร ทุกบท

  1. พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์
  2. มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
  3. ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
  4. พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง
  5. พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
  6. มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
  7. พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
  8. พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
  9. ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
  10. พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
  11. พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
  12. อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
  13. ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
  14. ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
  15. ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ

 

 

 

 

เลขเด็ดออนไลน์ ตรวจผลหวยรัฐบาล หวยลาว หวยฮานอย หวยมาเลย์ แนวทางหวย รวบรวมทุกอย่างครบจบในเว็บเดียวเพื่อความสะดวกสบาย และยังมี วิธีการขอหวย สถานที่ขอหวยที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยรวบรวมมาให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านศึกษากันอย่างครบครัน แนวทางที่ทางเว็บเรานำมาแบ่งปันให้คนรักหวยได้ชม.

*** ดวงรายวัน เลขเด็ดมงคล เลขมงคล เลขเสี่ยงทาย ดูดวงจากตัวเลข ทำนายฝัน ***

ต้องที่นี่ >>> เลขเด็ดออนไลน์ <<<

ขอขอบคุณ :  S guru

เรื่องน่าสนใจ

ทำไม? คนโบราณไม่ชอบนำกระท้อนเป็นเครื่องเซ่นไหว้

ทำไม? คนโบราณไม่ชอบนำกระท้อนเป็นเครื่องเซ่นไหว้

คนโบราณไม่ชอบนำกระท้อนเป็นเครื่องเซ่นไหว้   กระท้อนเป็นผลไม้คนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณเพราะ ลักษณะลำต้นขนาดใหญ่มีกิ่งก้านสาขามากมายใช้เป็นร่มเงารวมทั้งเมื่อผลสุกจะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว คราใดครบฤดูกาลแต่ละต้นให้ผลดก จนกระทั่งมีคนปลูกไว้ที่บริเวณสวนผสมกับต้นไม้อื่น ๆ เพื่อการค้า ผลขายได้ มีลูกค้ามากมายที่รอซื้อกระท้อนที่ตลาด นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมา ต้นกระท้อนจึงเป็นต้นไม้ที่คนไทยทุกภาคจะปลูก แต่ทำไมคติความเชื่อคนโบราณมีอคติกับผลกระท้อนบทความนี้   เลขเด็ดออนไลน์ จะอธิบาย.. คนไทยโบราณเชื่อว่าชื่อผลกระท้อนไม่เป็นมงคลเพราะชื่อเสียงที่ผู้ทำไว้จะไม่ขจรไปไกลจะกระท้อนกลับมาดั่งชื่อ ส่งผลให้ผู้ที่ประกอบอาชีพข้าราชการผู้ใหญ่ ที่ต้องการชื่อเสียงเกียรติยศ ความก้าวหน้า พ่อค้าวานิชที่คอยอาศัยการบอกกล่าวสรรพคุณสินค้าจากลูกค้าจะไม่นำขึ้นโต๊ะเป็นผลไม้บูชาเจ้าที่เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือแม้กระทั่งเป็นอาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ แต่คนสมัยก่อนจะปลูกไว้ในสวนเพื่ออาศัยร่มเงาจากการแผ่กิ่งก้าน เฉลี่ยมีอายุนานกว่าสี่สิบปีและผลเป็นอาหารว่างแก่เด็ก ๆ ทั้งในบ้านและข้างบ้านเพราะบางสายพันธุ์ต้นกระท้อนตกผลครั้งละมาก ๆ การเล่นเก็บผลกระท้อนที่ตกลงมาเองตอนฤดูน้ำหลากจะเป็นการเบี่ยงความสนใจ ป้องกันเด็ก ๆ เสียชีวิตจากการไปลงเล่นน้ำที่ท่าน้ำ ผลกระท้อนทั้งดิบและสุกนำมาใช้ประกอบอาหารและขนมไทยมากมาย เป็นต้นว่าส้มตำกระท้อน กระท้อนแช่อิ่ม ดอง และลอยแก้ว หรือการทานสดจะได้รสชาติที่หวานอมเปรี้ยว แม่ครัวสมัยโบราณจะนำผลกระท้อนเป็นส่วนหนึ่งการเรียนการสอนวิชาการครัวสืบแด่ลูกหลาน กระท้อนมีประโยชน์ทางยา จากตำรายาแผนโบราณกล่าวว่าใบกระท้อนนำมาต้มน้ำอาบแก้ไข้ การปลูกกระท้อนปลูกได้ทั้งที่ลุ่มและดอน เป็นพืชทนแล้งไม่ชอบน้ำ ควรกำจัดวัชพืชก่อน ขุดหลุมปลูกโรยหินฟอสเฟตที่หลุมร่วมกับปุ๋ยหมักหนึ่งลิตรและปุ๋ยเคมี เกลี่ยดินคลุกผสมเข้ากันก่อนนำพันธุ์ลงปลูกตรงกลางหลุมเกลี่ยดินและนำฟางข้างปกคลุมที่โคนต้นกล้าพันธุ์ กรณีเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ใส่เมื่อต้นเริ่มโตต้นละหนึ่งกิโลกรัมต่อครั้งอย่าลืมให้น้ำเป็นประจำบริเวณที่เตรียมไว้ ฤาจะเป็นเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของผลกระท้อน ไม่ว่ารสชาติ สี ความเย้ายวนใจจากเมล็ดที่ขาวนวลเป็นพลูดั่งไยฝ้าย คุณประโยชน์ที่มากเพราะอุดมไปวิตามินเอบำรุงสายตา บีหนึ่งป้องกันโรคเหน็บชา และซีเสริมความต้านทานโรค แร่ธาตุหลายสิบชนิดและกากไยอาหารมากมาย ส่งผลให้กระท้อนเป็นผลไม้ที่อยู่ในหัวใจคนไทยตลอดกาล   […]

โฮย่า ต้นไม้รูปหัวใจ ไม้ประดับสวย ๆ ตัวแทนแห่งความรัก

โฮย่า ต้นไม้รูปหัวใจ ไม้ประดับสวย ๆ ตัวแทนแห่งความรัก

โฮย่า ต้นไม้รูปหัวใจ ไม้ประดับสวย ๆ ตัวแทนแห่งความรัก   วันนี้ เลขเด็ดออนไลน์ จะพามาทำความรู้จักกับ โฮย่าหัวใจ นับว่าเป็นหนึ่งในไม้กาฝาก ที่เราสามารถพบได้ในป่า เช่นเดียวกับกล้วยไม้ป่าหลาย ๆ ชนิด ซึ่งไม้ชนิดนี้ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และค่อนข้างที่จะหาซื้อได้ง่าย อีกทั้งยังมีราคาที่ไม่สูงมากนัก โดยโฮย่าหัวใจนับว่าเป็นต้นไม้ที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง     ทำความรู้จักกับ โฮย่าหัวใจ และวิธีดูแล ที่ง่ายจนมือใหม่ไม่ต้องกังวล โฮย่าหัวใจหรือ หัวใจทศกัณฐ์ จัดว่าเป็นไม้เลื้อย ที่โตได้ง่าย ซึ่งความพิเศษและจัดว่าเป็นเอกลักษณ์ของไม้ชนิดนี้คือ ใบ ที่มีลักษณะคลายรูปหัวใจ และมีความแข็ง จนร้านขายก็มันจะดึงเอาเอกลักษณ์ และจุดเด่นของไม้ชนิดนี้ มาใช้เป็นจุดขายที่บางครั้งก็จะมีการเขียนข้อความ หรือวาดภาพสวย ๆ ลงไปบนใบของมัน ซึ่งนับว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้เป็นอย่างดี     วิธีดูแล ไม้ชนิดนี้เป็นไม้ที่เหมาะกับการปลูกในร่ม หรือในบ้านก็ได้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้ว สามารถวางประดับไว้ที่โต๊ะรับแขกของบ้าน หรือโต๊ะทำงานก็ได้เช่นกัน และรดน้ำเพียงวันละครั้งเท่านั้น และควรเลือกดินที่ปลูกเป็นดินร่วมผสมกาบมะพร้าวจะดีที่สุด และหากต้องการ การปักชำโฮย่า หัวใจ ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ   วิธีที่ 1 เพียงเลือกใบที่เราต้องการชำ และนำมาปักบนดินที่ทำการคลุกเคล้ากับกาบมะพร้าวละเอียด […]

การจัดโต๊ะไหว้ตรุษจีนที่ถูก ต้องวางของไหว้ให้ตรงตามตำราจีนโบราณ เป็นมงคลให้ใชค

การจัดโต๊ะไหว้ตรุษจีนที่ถูก ต้องวางของไหว้ให้ตรงตามตำราจีนโบราณ เป็นมงคลให้ใชค

การจัดโต๊ะไหว้ตรุษจีนที่ถูก ต้องวางของไหว้ให้ตรงตามตำราจีนโบราณ   วันนี้ ทางเลขเด็ดออนไลน์ จะมาแนะนำเรื่อง การจัดโต๊ะไหว้เจ้า ตรุษจีน เราควรจัดวางเครื่องเซ่นไหว้อะไรไว้ตรงไหนบ้าง จึงจะถูกต้องตามหลักวิธีการแบบแผนอันเป็นธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติ สืบทอดต่อๆกันมาอย่างช้านานของชาวไทยเชื้อสายจีนแต่ละครอบครัว อาจจะมีวิธีการจัดโต๊ะที่ต่างกันไปเล็กน้อย แต่หลักๆ แล้วก็จะมีความคล้ายคลึงกันอยู่ ซึ่งการจัดโต๊ะไหว้อย่างถูกต้องก็มีจุดวางของหลักๆ อยู่ทั้งหมด 9 จุด ส่วนใครที่ยังไม่ทราบ หรือไม่มั่นใจว่าที่ตัวเองปฏิบัติอยู่นั้นใช่วิธีที่ถูกต้องไหมนะ ไม่ต้องกังวลใจกันแล้ว เพราะว่า วันนี้มีข้อมูลดีๆ ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนอย่างเราๆ ควรรู้มาแนะนำให้ท่านกัน   จุดที่ 1  จัดวางโต๊ะไหว้ไว้บริเวณด้านหน้าเทวรูป หรือแท่นบูชา จุดที่ 2  กระถางธูปให้วางไว้หน้าแท่นบูชา หรือเทวรูป เพราะถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จุดที่ 3  วางเชิงเทียนและแจกันดอกไม้ ขนาบข้างซ้ายและขวาของกระถางธูป เป็นสัญลักษณ์แทนความสว่างไสวและความเจริญงอกงาม     จุดที่ 4  ถัดมาจะเป็นข้าว ส่วนใหญ่จะไหว้จำนวน 5 หรือ 3 ถ้วย โดยต้องตักข้าวให้พูนถ้วย เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ จุดที่ 5  เมื่อวางข้าวแล้ว […]

ฝังเสาหลักเมืองด้วยการสังเวยคนทั้งเป็น..ตำนานที่น่าสะพรึงกลัว

ฝังเสาหลักเมืองด้วยการสังเวยคนทั้งเป็น..ตำนานที่น่าสะพรึงกลัว

ฝังเสาหลักเมืองด้วยการสังเวยคนทั้งเป็น..ตำนานที่น่าสะพรึงกลัว   ฝังเสาหลักเมืองด้วยการสังเวยคนทั้งเป็น..ตำนานที่น่าสะพรึงกลัว “อิน จัน มั่น คง”เพื่อให้วิญญาณคอยเฝ้ารักษาป้องกันภัย ตลอดไป.. บันทึกตามตำนาน อิน จัน มั่น คง ได้เผยเรื่องราวที่เล่าสืบกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โบราณถือว่าพิธีสร้างพระนครหรือสร้างบ้าน สร้างเมือง ต้องฝังอาถรรพ์ ๔ประตูเมือง ต้องฝังเสาหลักเมือง การฝังเสาหลักเมืองและเสามหาปราสาท ต้องเอาคนที่มีชีวิตทั้งเป็น ลงฝังในหลุม เพื่อให้เป็นผู้เฝ้าทวารมหาปราสาทบ้านเมือง ป้องกันอริราชศัตรูมิให้มีโรคภัย ไข้เจ็บเกิดแก่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ผู้ครองนครบ้านเมือง ในการทำพิธีกรรมดังกล่าว ต้องเอาคนที่ชื่อ อิน จัน มั่น คง มาฝังลงหลุม จึงจะศักดิ์สิทธิ์และขณะที่นายนครวัดเที่ยวเรียกชื่อ อิน จัน มั่น คง ไปนั้น ใครโชคร้ายขานรับขึ้นมาก็จะถูกนำตัวไปฝังในหลุม หลุมเสาหลักเมืองนั้น จะผูกเสาคานใหญ่ชักขึ้นเหนือหลุมนั้นในระดับสูงพอสมควร โยงไว้ด้วยเส้นเชือกสองเส้นหัวท้ายให้เสาหรือซุงนั้นแขวนอยู่ตามทางนอนเหมือนอย่างลูกหีบ ครั้นถึงวันกำหนดที่จะกระทำการอันทารุณนี้ ก็เลี้ยงดูผู้เคราะห์ร้ายให้อิ่มหนำสำราญแล้ว แห่แหนนำไปที่หลุมนั้น พระเจ้าแผ่นดินมีรับสั่งให้บุคคลทั้งสามนั้นเฝ้าประตูเมืองไว้ด้วย และให้เร่งแจ้งข่าวให้รู้กันทั่ว เมื่อคนมาชุมนุมกันเขาก็ตัดเชือกปล่อยให้เสาหรือซุงหล่น ลงมาบนศีรษะผู้เคราะห์ร้าย ผู้ตกเป็นเหยื่อของการถือโชคถือลางนั้น บี้แบนอยู่ในหลุม     โดยคนไทยโบราณเชื่อว่าผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้จะกลายสภาพเป็นอารักษ์จำพวกที่เรียกว่า ผีราษฎร […]