ตำนานนางตะเคียน ความเฮี้ยน ความศรัทธา หรือแค่งมงาย
คนไทยมีความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วว่า ต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุยืนยาวนานปี มักจะมีรุกขเทวดาสถิตอยู่ทุกต้นรุกขเทวดาที่ประจำอยู่ตามต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ บางองค์มีฤทธิ์อำนาจสูง สามารถบันดาลความสุขความสำเร็จมาสู่ผู้คนที่กราบไหว้บูชาได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถนำความหายนะต่างๆมาสู่ผู้คนที่โค่นล้มทำลายจนถึง ตายได้เช่นกัน ดังเช่นเหตุการณ์อาถรรพณ์ในหลายครั้งที่เราท่านเคยได้ยินได้ฟังมา
ด้วยเหตุนี้เราจึงเชื่อกันตลอดมาว่า ความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพณ์แห่งต้นไม้ใหญ่นั้นนับว่ามีอยู่มากมาย โดยเฉพาะ ต้นตะเคียน ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งชั้นดี มีขนาดลำต้นเสมอกันตรงตลอดจรดปลาย ซึ่งจัดว่าเป็นไม้หายากมีไม่มากนักในป่า ไม้ตะเคียนนั้น ถือว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีรุกขเทวดาสถิตอยู่ ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้หญิง แต่ภาษาชาวบ้านเรียกขานกันว่า “นางตะเคียนทอง” ด้วยสรรพคุณพิเศษของต้นตะเคียนดังกล่าวนี้เอง ในสมัยก่อนต้นตะเคียนจึงกลายเป็นไม้มงคล และในขณะเดียวกันก็มีความอาถรรพณ์แรงกล้า ดังปรากฎเป็นตำนานจากบันทึกในประวัติศาสตร์ยืนยันแน่ชัดว่ามีอยู่จริงๆหลาย เรื่อง เช่น เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เรือพระที่นั่งซึ่งใช้ไม้ตะเคียนขุดขึ้นมาทั้งลำและเก็บไว้ในคูน้ำที่แยกออก มาจากคลองรอบพระนคร ตั้งแต่เมื่อมีการนำเรือพระที่นั่งลำดังกล่าวเข้าไปจอดเก็บอยู่นั้น ก็มักมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาบ่อยครั้ง จนกระทั่งต่อมามีผู้คนเรียกขานชื่อคูน้ำแห่งนี้ว่า คูไม้ร้อง จนต้องยอมรับว่าอาถรรพณ์วิญญาณ นางตะเคียน ซึ่งสถิตอยุ่ในไม้ที่นำมาชุดเป็นเรือพระที่นั่งนั้นเฮี้ยนเอาเรื่องมากที เดียว
ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งสามารถทำให้ผู้คนที่ได้รับฟังแล้วขนหัวลุกชันขึ้นมาทันตาเห็น ก็เป็นตำนานของ “เสาร้องไห้” ที่จังหวัดสระบุรี หรือที่เรียกกันติดปากจนกลายเป็นชื่ออำเภอ “เสาไห้” นั่นเอง ตามตำนานกล่าวว่า ครั้งหนึ่งได้มีเสาตะเคียนทองต้นหนึ่งจมอยู่ในแม่น้ำมานาน พออยู่มาก็เกิดแสดงอิทธิฤทธิ์ร้องไห้โหยหวน มาของเสาตะเคียนดังกล่าวนี้ มีมาตั้งแต่สมัยที่ทางราชการมีโองการให้ค้นหาไม้ตะเคียนมาเพื่อทำเสาชิงช้า ที่บริเวณวงเวียนเสาชิงช้า กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน ต้นตะเคียนดังกล่าวจึงถูกโค่นลงมา แต่ด้วยต้นตะเคียนดังกล่าวมีตรงส่วนปลายยอดคดเล็กน้อยจึงไม่ได้ลักษณะตามที่ ทางราชการต้องการ ไม้ตะเคียนต้นนี้จึงไม่ได้รับความสนใจดูแลเท่าที่ควร ในขณะที่นำตะเคียนต้นดังกล่าวนี้ล่องน้ำลงมาจากป่าเมืองเหนือนั่นเอง
เมื่อมาถึงบริเวณจังหวัดสระบุรี จึงถูกปล่อยให้หลุดจากเรือลากจูงและจมลง จนในที่สุดก็เกิดเรื่องราวความเฮี้ยนของ ผีนางตะเคียนร้องไห้ ต่อมาจึงกลายเป็นชื่อเรียก “อำเภอเสาไห้” ในปัจจุบัน ดังที่ได้กล่าวถึงเรื่องราวของต้นตะเคียนมาตั้งแต่ต้นนั้น ก็เพื่อชี้ให้เห็นตามความเชื่อที่ว่าไม้ตะเคียนนั้นถือว่าเป็นไม้ ศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพณ์แรงกล้า ซึ่งหลายท่านก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าผีนางตะเคียนนั้นมีความดุและเฮี้ยนมาก เพียงใด ถึงแม้ยุคนี้จะมีวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าไปมากแล้วก็ตาม แต่เรื่อง ผีนางตะเคียน ก็มักจะยังถูกเล่าขานกันอยู่ชนิดที่ว่าไม่มีวันหมด
ลักษณะ
นางตะเคียน เป็นผีผู้หญิง สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียน บริเวณผืนป่าที่ผีนางตะเคียนสิงสู่อยู่จะสะอาดสะอ้านเหมือนมีคนมาปัดกวาดอยู่เสมอๆ ก็คงเหมือนกับคนอยู่บ้านต้องออกมาปัดกวาดหน้าบ้านตัวเองให้สะอาดอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
นางตะเคียนมักมีรูปร่างหน้าตาสะสวย หมดจดงดงาม ผมยาว ห่มสไบ ใส่ผ้าถุง บางที่ก็ว่าแต่งตัวเหมือนสาวบ้านป่าทั่วๆ ไป ผีนางตะเคียนมักจะเป็นจำพวกหวงที่อยู่ และจะดุร้ายมากหากใครคิดจะรุกรานที่อยู่ของตน เนื่องจากต้นตะเคียน มีผีนางตะเคียนสิงสู่อยู่ การจะนำเอาต้นตะเคียนมาขุดเป็นเรือ (เรือสมัยก่อนใช้วิธีขุดขึ้นจากต้นไม้ทั้งต้น) หรือนำไม้ตะเคียนมาสร้างบ้าน จำเป็นจะต้องทำพิธีบวงสรวงขออนุญาตจากนางตะเคียนก่อน ทั้งนี้ เมื่อต้นตะเคียนที่ถูกนำมาแปรสภาพเป็นยานพาหนะ หรือสิ่งปลูกสร้างแล้ว นางตะเคียนที่สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียนนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงสถานะตามไปด้วย เช่น ถ้าเป็นเรือ นางตะเคียนก็จะกลายเป็นแม่ย่านางเรือ เป็นต้น
ขอบคุณที่มาและรูปภาพจาก : Facebook : ของ ไทย นี้มันที่สุดแล้ว , praitalay3.blogspot.com
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พราย ได้นำมาเล่าให้ทุกคนฟังในวันนี้
ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่านด้วยนะคะ
* สามารถติดตามบทความเรื่องลี้ลับ ข่าวสารเลขเด็ดออนไลน์ได้เพิ่มเต็มทางเว็บไซต์ เลขเด็ดออนไลน์ *