ผีมีจริงไหม? ความเชื่อ หรือแค่งมงาย
หลายคนคงเคยเกิดความสงสัยว่า ผีมีจริงไหม แสงวูบวาบ หรือเงาลึกลับในตอนกลางคืนคืออะไร ในทางพระพุทธศาสนาแล้วมีความเชื่อเรื่องผีมากมาย อุปมาได้จากผู้ต้องหาที่รอการตัดสินโดย ผู้พิพากษาบนโลกมนุษย์ ซึ่งอาจจะถูกตัดสินให้ผิดจนต้องติดคุก หรือตัดสินให้พ้นผิด เป็นอิสระตามเดิม แล้วแต่หลักฐานที่ปรากฏในชั้นศาล เพราะจะสอดคล้องกับข้อมูลในคัมภีร์พระไตรปิฎก ที่ว่าพระยายมและนิรยบาลนั้นมีจริง โดยพระยายมเปรียบได้กับ ผู้พิพากษา และนิรยบาลก็คือผู้ควบคุมผู้ต้องหา (รวมถึงผู้คุม นักโทษในกรณีที่ผู้ต้องหาถูกตัดสินให้จำคุก) โดยมีผู้ต้องหาคือ ผีหรือสัมภเวสี กล่าวง่าย ๆ ว่า ถ้าพระยายมและนิรยบาลมีอยู่จริง ก็จะต้องมีสัมภเวสีอยู่จริงด้วยเช่นกัน เพราะสองสิ่งนี้เป็นเรื่องที่สอดคล้องกัน การปรากฏกายของผีมีหลายรูปแบบด้วยกัน ลองมาดูกันว่าผีปรากฏตัวแบบไหนได้บ้าง มาดูกันได้เลยคะ
ผีมาปรากฏกายในด้านดี
สำหรับด้านดีนั้น ได้แก่ เทวดาระดับล่าง คือ ผีบ้านผีเรือน พระภูมิเจ้าที่ มาเข้าฝันแจ้งเหตุอะไรบางอย่าง เช่น มาเตือนว่า ขโมยจะมาขึ้นบ้าน หรือให้ระมัดระวังเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เป็นต้น ซึ่งตามคัมภีร์พระพุทธศาสนาแล้วจะเรียกว่า ฝันแบบเทวดา บอกเหตุ การที่เทวดาเข้ามาแจ้งเหตุกับมนุษย์นั้น เป็นเพราะถ้ามนุษย์ คนนั้นสามารถหลีกเลี่ยงเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เทวดาที่มาเตือน ก็จะได้บุญไปด้วย ในฐานะที่มาช่วยเตือนให้ระมัดระวัง
สรุปได้ว่า ผีที่มาปรากฏกายให้เห็นในด้านดีนี้ ส่วนใหญ่ก็คือ เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา ประเภทที่อยู่ปะปนกับมนุษย์ แต่ก็ไม่เสมอไปที่เทวดาจะมาปรากฏในด้านดีเท่านั้น
ผีมาปรากฏกายในด้านร้าย
เรื่องผีที่มาปรากฏในด้านร้ายนี้ก็คงได้ยินได้ฟังมามาก หรือบางท่านก็มีประสบการณ์ตรง เพราะผีโดยส่วนใหญ่แล้วจะมา หลอกหลอนให้เกิดความหวาดกลัว แต่ที่น่าสนใจคือ เมื่อศึกษาในรายละเอียดแล้วพบว่า ในหลายๆ ครั้งการหลอกหลอนเกิดขึ้น โดยผีประเภทเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา อาจเรียกได้ว่ามากกว่าการหลอกหลอนที่เกิดจากผีประเภทเปรต (รวมถึงสัมภเวสี) ด้วยซ้ำไป โดยมีปรากฏทั้งในคัมภีร์พระไตรปิฎกรวมถึงคัมภีร์พระพุทธศาสนาชั้นรองอื่น และข้อมูลจากผู้ประสบพบเห็นผีในปัจจุบัน ซึ่งอาจแบ่งการปรากฏใน ด้านร้ายสรุปได้ดังนี้
- ภุมมเทวดา หรือที่เรียกกันว่า พระภูมิเจ้าที่ หรือผีบ้าน ผีเรือน
- รุกขเทวดา คือ เทวดาตามป่าเขาหรือถ้ำ
- เทวดาประเภทยักษ์ ที่มีหน้าที่คอยดูแลสมบัติในสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น วัดโบราณหรือเมืองโบราณ
- เทวดาตามป่าเขาริมถนน ที่ขี้เล่น ชอบหลอกหลอน มนุษย์เพื่อให้เกิดความสนุกสนานในหมู่ของตน
- เปรตที่ปรากฏกายเหมือนกับจะมาร้าย คือ ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความหวาดกลัว
- เปรตที่อาศัยอยู่ตามสถานที่ที่ตนเองตาย ปรากฏกายหลอกหลอนเพื่อล่อให้มนุษย์เกิดความตกใจกลัวแล้ว ขาดสติ ทำให้เกิดอุบัติเหตุตายในบริเวณนั้น เพื่อที่เปรตตนนั้นจะได้ไปเกิดใหม่ในสถานที่อื่น ที่เรียกกันว่า ตัวตายตัวแทน
- สัมภเวสีที่ตายด้วยความโกรธแค้น มาปรากฏกายแสดงความอาฆาตมนุษย์ที่เป็นคู่แค้นกัน โดยอาจจะมีความต้องการให้คู่แค้นของตนนั้นเกิดตกใจกลัว ขาดสติ แล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุอื่นตามมา
ผีมาปรากฏตัวแบบกลางๆ ไม่ดีไม่ร้าย
กรณีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสัมภเวสีที่ไม่รู้ว่าตนเองตาย โดยอาจจะปรากฏกายด้วยความบังเอิญในสถานที่ที่ตนเองตาย หรือพอ เวลาผ่านไป เมื่อรู้ว่าตนเองตายแล้วก็จะกลับบ้านของตนไปหาคนที่ตนเองรู้จัก เพื่อพยายามแจ้งข่าวของตน หรืออาศัยอยู่ชั่วคราว จนกว่าจะมีนิรยบาลนำตัวไป เช่น มีตัวอย่างว่าคนตายมาปรากฏ ให้ญาติเห็นหรือมาเข้าฝัน เพื่อมาร่ำลาว่าจะไปอยู่ในภพอื่นแล้ว เป็นต้น
ที่มา : goodlifeupdate.com
รูปภาพจาก : rojakdaily.com
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พราย ได้นำมาเล่าให้ทุกคนฟังในวันนี้
ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่านด้วยนะคะ
* สามารถติดตามบทความเรื่องลี้ลับออนไลน์ได้เพิ่มเต็มทางเว็บไซต์ เลขเด็ดออนไลน์ *