สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงไหม? ความเชื่อที่อยู่คู่กับเรา ตลอดมา

สิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ คือ อะไร

สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงไหม? ความเชื่อที่อยู่คู่กับเรา ตลอดมา

คำว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ก็คงจะมีมากมายจนนับไม่ถ้วนแล้วแต่ใครจะ “นับถือ” หรือมี “ความเชื่อ” ในสิ่งนั้นๆ วันนี้ก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า อะไรกันละ? ที่เขาเรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เลยไปหาคำตอบมาจนได้ความหมายของคำว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนี้

มนุษย์เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับความเชื่อ และความศรัทราในพลังอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆที่ยังไม่มีใครเคยรู้หรือเคยเห็นสิ่งเหล่านี้เลยก็ตาม แต่เราทุกคนก็ยังเชื่อว่า สิ่งนั้น เป็นสิ่งที่มีอำนาจที่สามารถให้ทั้งคุณและโทษกับเราได้  เราทุกคนมีความเชื่อและความศรัทรา สือทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ

ความเชื่อที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มของความเชื่อได้ดังนี้

  1. ความเชื่อทางพระพุทธศาสนา

เนื่องจากเราทุกคน นับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่บรรพบุรุษ ความเชื่อจึงมุ่งเน้นไปทาง หลักธรรมคำสอน เช่น ควเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม  ความเชื่อเรื่องตายแล้วเกิดใหม่ ทุกอย่างย่อมเวียนว่ายตายเกิดตามผลแห่งกรรมของตน หรือความเชื่อเรื่องนรก สวรรค์ เป็นต้น

2. ความเชื่อที่เกี่ยวกับวิทยาคม

เป็นความเชื่อเรื่องลึกลับที่เหนือธรรมชาติ ไม่สามารถพิสูจน์หรือหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ได้ แบ่งออกเป็น 2เรื่องคือ ความเชื่อเรื่องเวทมนต์คาถา และ ความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง

3. ความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ความเชื่อนี้เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเรามาตั้งแต่อดีต ส่วนมากจะมาได้จาก พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง พระเครื่อง ร่วมไปถึงศาลปู่ตา ศาลหลักเมือง ศาลเจ้าพ่อ ศาลเจ้าแม่ ซึ่งพบเห็นได้ทั่วในสังคมไทย

4. ความเชื่อเรื่อง ผีสาง/เทวดา

สิ่งลึกลับที่มองไม่เห็นตัวตน ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์และพลังอำนาจเหนือมนุษย์ สามารถให้ทั้งคุณและโทษ โดยที่ยังไม่มีใครสามมารถหาข้อสรุปได้แน่ชัด

5. ความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์

วิชาที่เกี่ยวโยงกับการพยากรณ์ ดาราศาสตร์ ความเชื่อเช่นนี้พบมากในหมู่สังคมไทย และมีการสืบทอดอย่างเป็นทางการและสามารถยืดถือเป็นอาชีพได้

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : moremeng.in.th

และนอกจากนี้ท่านสามารถติดตามข่าวสาร เลขเด็ดงวดหน้า /เลขเด็ดคนดัง เพิ่มเติ่มได้ที่นี้ เลขเด็ดออลไลน์

สรุป

ความเชื่อเรื่อง “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” สิ่งที่อยู่คู่กับเรามาตั้งแต่อดีต มาสู่ปัจจุบัน ทุกคนก็ยังเชื่อว่า สิ่งนั้น เป็นสิ่งที่มีอำนาจที่สามารถให้ทั้งคุณและโทษกับเราได้  เราทุกคนมีความเชื่อและความศรัทรา สือทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ร่วมหาคำตอบไปกับเรา

เรื่องน่าสนใจ

แม่นาคพระโขนง กับตำนานเรื่องเล่า รักแท้ชัวนิรันดร์

แม่นาคพระโขนง กับตำนานเรื่องเล่า รักแท้ชัวนิรันดร์

แม่นาคพระโขนง กับตำนานเรื่องเล่า รักแท้ชัวนิรันดร์ หากจะเอ่ยถึง ตำนานหรือเรื่องเล่าหลอนๆที่ทำให้เราหวาดกลัวที่สุด ตั้งแต่สมัยเด็กๆ จนถึงตอนนี้นั้น คงนี้ไม่พ้นเรื่อง “แม่นาค หรือ นางนาคพระโขนง ”  เป็นเรื่องราวที่ถูกกล่าวขานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเรื่องราวของหญิงตายทั้งกลมมีสามีชื่อว่า “มาก” ในขณะที่สามีเดินทางไปรับใช้ชาติระหว่างสงครามที่บางกอก ตามรายงานระบุว่านางนาคตายระหว่างคลอดลูก โดยศพของนางนาคถูกฝั่งไว้ป่าช้าหลังวัดมหาบุศย์ เมื่อสามีกลับมาจากสงครามก็พบกับภรรยาตัวเองที่เป็นคนปกติ ไม่แสดงถึงความเป็นวิญญาณหรือผีแต่อย่างใด ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมากไม่ได้ผิดสังเกตแต่อย่างใด จนท้ายที่สุดก็พบกับชาวบ้านมาบอกความจริงกับนายมากว่าภรรยาที่รักของตนเสียชีวิตไปแล้ว แต่นายมากเองก็ไม่ได้เชื่ออย่างเต็ม จนในที่สุดนายมากก็พบกับความจริงด้วยตัวเอง และพยายามหลบหนีจากภรรยา โดยได้หนีมาอาศัยกับพระรูปหนึ่งทำให้นางนาคทำอะไรไม่ได้ จากเรื่องเล่าที่มาแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้น ทำให้ผู้ที่รัก และเลื่อมใส ศรัทรา ในความรักของ ย่านาค ที่มีต่อสามี เปรีบยบดั่งความรักแท้จริง รักแท้ชั่วนิรันดร์ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือชีวิตได้ดับศูนย์ลงไปแล้วนั้น แต่ความรักของเธอที่มีต่อสามีก็ยังคงเหมือนเดิม ตามรายงานเพิ่มเติมกล่าวว่า  สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สะกดวิญญาณและนำนางนาคไปสู่สุคติด้วยการนำวิญญาณมาสะกดลงกระดูกบริเวณหน้าผากหรือปั้นเหน่ง(หน้าผาก)  ทำให้หลังจากนั้นไม่มีใครพบเห็น หรือเจอเรื่องราวที่น่าขนหัวลุกนี้อีกเลย… แต่ก็ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมาย ที่ต่างหาข้อเท็จจริงมาถกเถียงกัน ตามรายงานของผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของแม่นาคจริงๆ กลับพบว่าความจริงแล้วนั้น นางนาคตายขณะตั้งท้อง และทางฝ่ายลูกของผู้ตายหรือนาคกลัวว่าบิดาของตนจะไปมีภรรยาใหม่ จึงร่วมมือกันสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้ที่ผ่านมา เช่น […]

เรื่องหลอน คืนก่อนวันพระ

เรื่องหลอน คืนก่อนวันพระ

เรื่องหลอน คืนก่อนวันพระ ไม่เชื่อ..อย่าหลบหลู่ เรื่องหลอน เรื่องนี้มาจากคุณณัฏฐ์คะ เธอเล่าว่า.. ย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเราอายุประมาณ 19 ปี เพื่อนเห็นว่าเราชอบทำบุญทำทาน เลยชวนไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ เราก็ตกลงไปเพราะว่างพอดี วัดนั้นเป็นวัดชื่อดังมากสำหรับสายปฏิบัติธรรม เพราะเงียบสงบเนื่องจากตัววัดตั้งอยู่กลางเขา มีหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวเขาอยู่ใกล้ๆ พอให้พระบิณฑบาตรได้อยู่ 2-3 หมู่บ้าน คอร์สปฏิบัติธรรมที่เราเข้าร่วม เป็นคอร์สระยะสั้นเวลา 7 วัน ปิดวาจา ถือศีล 8 กินมังสวิรัติ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และห้ามอ่านหนังสืออื่น นอกเหนือจาก หนังสือหลักปฏิบัติที่ทางวัดแจกให้เพียงเล่มเดียว ซึ่งหนามาก ซึ่งนอกจาก เรากับเพื่อนอีกคนที่มาด้วยแล้ว คนอื่นๆก็เป็นผู้ใหญ่หมด บางคนบินมาจากต่างประเทศ เพื่อมาปฏิบัติธรรมที่นี่โดยเฉพาะ ด้วยความที่เราเป็นวัยรุ่น ทำให้การปฏิบัติธรรมแบบนี้ เป็นอุปสรรคต่อจิตใจ และร่างกายมาก นั่งสมาธิ และเดินจงกรมเฉลี่ยวันละ 17 ชั่วโมง ที่เหลือคือเวลากินข้าว 2 มื้อ กับเวลาอาบน้ำ และนอน ซึ่งมันเหนื่อยมาก ผ่านไป […]

ทําบุญยังไงให้ได้บุญ ได้รับอานิสงส์ ครบ 9 ประการ

ทําบุญยังไงให้ได้บุญ ได้รับอานิสงส์ ครบ 9 ประการ

ทําบุญยังไงให้ได้บุญ ได้รับอานิสงส์ ครบ 9 ประการ หากจะกล่าวถึง “การทำบุญ” ย่อมเป็นเรื่องที่ดี ทำแล้วไม่มีคำว่าผลเสียอย่างแน่นอน แต่กลับสร้างแต่ความสบายใจและ ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ แต่หลายท่านก็คงจะมีความสงสัยไม่น้อย ว่าแล้วเราจะได้บุญจริงหรือ? แล้วเราจะต้องทำบุญแบบไหน กับอะไร เราถึงจะได้รับ ผลบุญและอานิสงส์ครบ 9ประการ ในวันนี้เรามีคำแนะนำในการทำบุญ 10 ประการแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้มาฝากกันค่ะ ให้อภัย ทำด้วยใจ หากมีสิ่งใดตกค้างขัดขวางอยู่บ้าง ก็สลัดออกไป ให้ด้วยความตั้งใจ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ทำใจให้ว่าง จิตใจต้องไม่เป็นทุกข์ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน คือวิธีการลดตัวตนชนิดหนึ่ง ไม่ยืดติดว่าเราเป็นใคร เต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น มีความปรารถนาดีให้แก่ผู้อื่นเสมอ การตั้งใจฟังธรรมจากพระสงฆ์ที่แสดงธรรม ล้วนเป็นการทำบุญ การมอบความดีให้แก่กันและกันตั้งใจเผื่อแผ่ความดีนั้นไปให้แก่ผู้อื่น ยินดีกับผู้อื่นเป็นการสร้างกำลังใจให้แก่สังคม สลายความอิจฉาจากใจ ไม่ตกนรก นั่งนอนเป็นสุข ใช้สติพิจารณา กิจกรรมที่ผ่านมาในชีวิตแล้ว ทบทวนว่า สิ่งใดดีควรจะเพิ่มเติม มาวมญฺเญถ ปุญฺญสฺส น มตฺตํ อาคมิสฺสติ อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ […]

ประสบการณ์สยอง

ประสบการณ์สยอง

ประสบการณ์สยอง เรื่องหลอนๆ เตียงซ่อนผี เรื่องที่พี่พรายเอามาเประสบการณ์สยองล่าต่อให้เพื่อนๆได้ฟังกันวันนี้นั้นถูกส่งเข้ามาจากคุณเบลส์ เกิดขึ้นเมื่อสมัยคุณเบลส์เรียนอยู่ชั้น ป.5 เล่าว่า… ในตอนนั้นครอบครัวของฉันย้ายไปอยู่ที่ต่างจังหวัด พ่อแม่ฉันตัดสินใจเช้าบ้านอยู่แถวๆหน้าวัดชื่อดังของจังหวัด ซึ่งในขณะนั้น ยังไม่ค่อยเจริญมากนัก บ้านที่เช้าไว้เป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ รอบๆนั้นมีบ้านอยู่ไล่เลี่ยกันเพียง 4-5 หลัง ชั้นบนที่เป็นไม้ ค่อนข้างมืดและมีกลิ่นอับๆ กลิ่นไม้เก่าๆ ค่อนข้างหลอนเลยทีเดียว บรรยากาศภายในบ้านแทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย พ่อและแม่เลยพากันเข้าเมือง ไปหาซื้อของใช้เข้าบ้าน และพ่อก็ได้ไปสะดุดตากับเตียงไม้มือสองสภาพดีเตียงนึง ด้วยราคาที่แสนจะถูกทำให้แม่ไม่ขัดใจพ่อ แม้ว่าความรู้สึกของแม่จะไม่ค่อยชอบ และรู้สึกแปลกๆกับเตียงไม้นี้ อย่างอธิบายไม่ถูก เตียงนี้ตกลงกันว่าจะเอาไว้ในห้องห้องพ่อและแม่ก่อน แล้วห้องของฉัน พ่อจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้เดือนหน้า เราเลยต้องนอนห้องเดียวกัน 3 คนพ่อแม่ลูก ไม่นานนักพนักงานก็เอาเตียงมาส่งให้ที่บ้านแม่จึงออกไปตอนรับและคุยกับพนักงานกลุ่มนั้น “อ้าว .. เจ๊มาส่งให้ด้วยตัวเองเลยหรอ? ” พนักงานกลุ่มนั้น มองหน้ากัน แล้วรีบยกเตียงไม้เข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็รีบขับรถกลับออกไป พอหัวค่ำเราได้ลงไปกินข้าวกันชั้นล่าง ระหว่างที่รอกินข้าว ฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรรูดกับแผ่นไม้ดัง ครืดคราด ครืดคราด !! ฉันมองไปที่พ่อกับแม่ แต่ท่านทั้งสองก็ไม่มีใครได้ยินเสียงนั้น หรือฉันจะหูฟาดไป? หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ขึ้นไปนั่งดูทีวีข้างบนห้องนอนกัน […]