บทแผ่เมตตา บทสวดมนต์พรหมวิหารสี่ บทแผ่เมตตาให้ตนเอง สวดแล้วชีวิตดีขึ้น สวดเลย !!

บทแผ่เมตตา บทสวดมนต์พรหมวิหารสี่ 

การสวดมนต์ บทแผ่เมตตา เป็นการตั้งและส่งความปราถนาดีไปยังหมู่มวลมนุษย์และสรรพสัตว์ ตลอดจนเทพเทวา ภูติ ผีปีศาจไม่มีประมาณ ไม่มีขอบเขตกำหนด ไร้ซึ่งพรมแดนขวางกั้น ไม่ว่ามนุษย์ผู้นั้น หรือสรรพสัตว์นั้นๆ จะมีเชื้อชาติใด ศาสนาใด จะเกี่ยวข้องกับเราโดยความเป็นญาติ หรือสิ่งใดก็ตามแต่ จุดประสงค์ คือ ขอให้เขาได้มีความสุข อย่าได้มีความทุกข์ระทมขมขื่น

บทแผ่เมตตา บทสวดมนต์พรหมวิหารสี่

บทแผ่เมตตา

หากย้อนความตามหลักการแผ่เมตตาในทางพระพุทธศาสนานั้น ในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งต่างมีสิ่งที่ตนปราถนาคล้ายกัน คือ ความสุข รวมถึงการหลีกเลี่ยงจากภัยอันตรายต่างๆ ที่จะทำให้ชีวิตเป็นทุกข์ หากตนมีความปราถนาในความสุขฉันใด ผู้อื่น หรือสรรพสัตว์อื่นๆ ต่างก็ต้องการความสุขฉันนั้น พระพุทธเจ้าจึงได้สอนให้เรานำความรู้สึกของตนเองเป็นเครื่องเปรียบเทียบ เข้าใจผู้อื่น จะทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ มีเมตตาต่อผู้อื่นและสรรพสัตว์ที่มีอยู่บนโลกมากขึ้น ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน การแผ่เมตตาจึงสมควรกระทำให้แก่ตนเองและผู้อื่น ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยตั้งความปราถนาดี ความปราถนาที่จะให้ทุกชีวิตมีความสุขเสมอกัน

บทแผ่เมตตา บทสวดมนต์พรหมวิหารสี่ สวดแล้วชีวิตดีขึ้น

บทสวดแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่

 

วันนี้ สนุก ! Horoscope จึงได้นำเอา บทแผ่เมตตา ที่เป็นแบบพรหมวิหารสี่มาฝากกัน ซึ่ง พรหมวิหาร หมายถึง ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ ซึ่งคนทั่วไปมักจะคุ้นเคยกันในชื่อเรียกที่ว่า “พรหมวิหารสี่” อันได้แก่ เมตตา , กรุณา , มุฑิตา และ อุเบกขา อาจอธิบายความหมายหลักทั้ง 4 ได้ดังนี้

  • เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
  • กรุณา ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
  • มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
  • อุเบกขา การรู้จักวางเฉย

ก่อนที่จะเริ่ม บทแผ่เมตตา ควรนั่งสมาธิอย่างน้อย 3 – 5 นาทีตามโอกาส เพื่อให้จิตใจของเราเกิดความอ่อนโยน สะอาด ผ่องแผ้ว อันเกิดมาจากการทำสมาธิ ที่ถึงแม้ว่าจะใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ แต่ก็เป็นจิตที่ว่างจากการความพยาบาทอาฆาต ความอิจฉาริษยา กามราคะ และว่างเว้นจากความเศร้าซึม การนั่งสมาธิจะช่วยเสริมให้จิตมีพลัง เหมาะเป็นอย่างยิ่งก่อนการเริ่มปฏิบัติโดย บทแผ่เมตตา นั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 บท ดังนี้

บทสวดมนต์พรหมวิหารสี่

 

บทสวดมนต์พรหมวิหารสี่

บทเมตตา

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

บทกรุณา

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ จงพ้นจากทุกข์เถิด

บทมุทิตา

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด

บทอุเบกขา

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

ในการแผ่เมตตาแต่ละครั้งอาจไม่จำเป็นต้องกล่าวเป็นภาษาบาลีเสมอไป การสวดบทแผ่เมตตาเป็นภาษาไทยก็สามารถทำได้ ขอให้เป็นภาษาของความรู้สึกนึกคิด นึกถึงสิ่งๆ นั้นที่เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ มีความเมตตาต่อการเกิดของตนเองที่ในบางครั้งอาจต้องเผชิญกับความทุกข์ ความเศร้า โรคภัยไข้เจ็บ และต้องเผชิญกับความแก่ ความเจ็บ ความตายวนเวียนไปเป็นวัฐจักร หากการแผ่เมตตานั้นถึงแม้จะใช้ถ้อยคำเป็นภาษาบาลี แต่ความรู้สึกนึกคิดในระหว่างการแผ่เมตตานั้นไม่ได้เป็นไปตามภาษาที่กล่าว การแผ่เมตตาก็จะไม่มีประโยชน์อะไร

ทำไมต้องกรวดน้ำหลังแผ่เมตตา ?

การกรวดน้ำเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล แต่ก็ไม่อาจจะระบุเป็นช่วงเวลาได้ ในสมัยก่อนเวลาที่จะมอบสิ่งของใดๆ ให้แก่กัน หากเป็นของใหญ่ที่ไม่สามารถยกมอบให้ได้ ผู้คนในสมัยนั้นก็มักจะใช้สิ่งแทน หรือสิ่งอื่นซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนการมอบให้ โดยเป็นสิ่งที่สามารถหาได้ง่ายรอบตัว อย่างเช่น น้ำ ผู้คนโบราณมักจะพกน้ำติดตัวไปไหนมาไหนอยู่เสมอ เพราะเป็นสิ่งที่หาได้ง่าย ฉะนั้น คนโบราณจะให้ น้ำ เป็นสิ่งแทนการให้สิ่งของใหญ่ๆ ที่ยกไม่ไหว มักเรียกน้ำนั้นกันว่า น้ำทักขิโณทก หรือ ทักษิโณทก แม้ในการถวายที่ดิน ถวายอาราม หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน คือ ไม่สามารถยกมอบให้ได้ ก็ใช้วิธีการเทน้ำลงมือผู้รับก็เป็นอันเสร็จ

หากเป็นปัจจุบัน คนเราอาจใช้สิ่งอื่นที่ไม่ใช่น้ำเป็นสิ่งแทนในการมอบของ เช่น มอบรถ ก็อาจใช้กุญแจรถ หรือป้ายทะเบียนรถ มอบบ้าน ก็อาจใช้เป็นกระดาษโฉนดที่ดิน ซึ่งทั้งหมดแล้วก็แตกต่างกันไปตามยุคสมัย เพราะฉะนั้นแล้ว การกรวดน้ำ เปรียบเสมือนเป็นการทำสัญลักษณ์การมอบสิ่งของให้แก่ผู้รับ เป็นเรื่องของพิธีการ หรือการสื่อความหมายที่ชัดเจน ประมาณว่า “ข้าพเจ้าให้ท่านแล้วนะ” โดยเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา นับว่าเป็นการให้ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เมื่อวกกลับเข้ามาที่เรื่องของการทำบุญแล้วกรวดน้ำ ก็เพื่อทำให้เป็นการแผ่เมตตาที่แน้นแฟ้น เป็นรูปธรรมมาขึ้นเช่นเดียวกัน

จุดประสงค์ของการกรวดน้ำ

การกรวดน้ำ ทำเพื่อเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล หรือเป็นการแผ่เมตตาไปยังผีเจ้ากรรมนายเวร ผีเปรตทั่วไป หรือผีเปรตที่เป็นญาตของเรา ไปจนถึงสรรพสัตว์อื่นๆ ทั้งหลายที่เราต้องการจะแบ่งส่วนบุญให้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้รับ หรือผู้ที่เราจะอุทิศให้หากอยู่ในสถานะที่พึงจะได้รับแล้วล่ะก็ ต่อให้เราไม่กรวดน้ำเขาก็ได้รับอยู่ดี แต่หากผู้รับไม่ได้อยู่ในสถานะที่พึงจะได้รับ แม้จะกรวดน้ำให้เขาก็อาจไม่ได้รับ อาจมองในภาพรวมได้ว่าการกรวดน้ำเป็นการให้ผลทางใจ เพื่อให้การอุทิศส่วนบุญนั้นมีความแน่นแฟ้น เป็นรูปธรรมมากขึ้น นอกจากนั้นเราก็ควรเปล่งวาจาเพื่ออุทิศส่วนบุญนั้นด้วย แสดงออกถึงใจที่มอบให้ เปล่งวาจาออกมาให้ตนและผู้อื่นได้ยิน มีน้ำที่เทลงดินให้ตนและผู้อื่นเห็น นับเป็นการให้ที่สมบูรณ์ ทั้งยังเป็นการให้ทานน้ำแก่พวกสัตว์เล็ก ๆ มีมด และไส้เดือน รวมถึงทำให้ดินชุ่มชื้น เป็นประโยชน์แก่พืชต่าง ๆ อีกด้วย ที่สำคัญการกรวดน้ำเพื่อแผ่เมตตานั้น น้ำที่เทลงไปจะเทที่ไหนก็ได้ที่ไม่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน

อานิสงส์จากการสวดบทแผ่เมตตา

  • นอนหลับเป็นสุข
  • ตื่นขึ้นก็เป็นสุข
  • ไม่ฝันร้าย
  • เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
  • เป็นที่รักของอมนุษย์(ยักษ์)
  • เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา
  • ศัสตราวุธ ไฟป่า ยาพิษ ไม่อาจทำอันตรายได้
  • เมื่อได้ปฏิบัติธรรมสมาธิจะเกิดเร็ว
  • มีหน้าตาผ่องใสเบิกบานเป็นปกติ
  • ไม่หลงตาย
  • เมื่อตายไปแล้วจะไปเกิดในพรหมโลก

 

 

 

บทแผ่เมตตา บทสวดมนต์พรหมวิหารสี่

 

 

 

เลขเด็ดออนไลน์ ตรวจผลหวยรัฐบาล หวยลาว หวยฮานอย หวยมาเลย์ แนวทางหวย รวบรวมทุกอย่างครบจบในเว็บเดียวเพื่อความสะดวกสบาย และยังมี วิธีการขอหวย สถานที่ขอหวยที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยรวบรวมมาให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านศึกษากันอย่างครบครัน แนวทางที่ทางเว็บเรานำมาแบ่งปันให้คนรักหวยได้ชม.

 

*** ดวงรายวัน เลขเด็ดมงคล เลขมงคล เลขเสี่ยงทาย ดูดวงจากตัวเลข ทำนายฝัน ***

ต้องที่นี่ >>> เลขเด็ดออนไลน์ <<<

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tlcthai.com

เรื่องน่าสนใจ

เปิดวาร์ป 5 สถานที่ขอหวย เคยแจกรางวัลที่ 1 มาแล้ว

เปิดวาร์ป 5 สถานที่ขอหวย เคยแจกรางวัลที่ 1 มาแล้ว

ใกล้วันหวยออกเข้าไปทุกที ใครยังไม่มีเลขเด็ดตาม แม่หมออ้อย มาได้เลย วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับแหล่งที่ ขอหวย ขอเลขเด็ด ที่เหล่านักเสี่ยงโชคต่างยกว่าเป็นสถานที่ขอหวยที่แม่นที่สุดในไทย เรามาทำการ เปิดวาร์ป 5 สถานที่ขอหวย เคยแจกรางวัลที่ 1 มาแล้ว ให้นักเสี่ยงโชคไปตำกันถึงที่ มาดูกันเลยว่ามีที่ไหนบ้าง ศาลเจ้าพ่อยี่กอฮง ศาลพุ่มพวง ดวงจันทร์ รูปปั้นพญาเต่างอย ต้นโพธิ์ ริมถนนใหญ่รามอินทรา ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ เปิดวาร์ป 5 สถานที่ขอหวย เคยแจกรางวัลที่ 1 มาแล้ว หลายงวดติด ไปตำกันเลย 1. ศาลเจ้าพ่อยี่กอฮง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พิกัด: เลขที่ 447 ตั้งอยู่ที่ชั้นของ 4 ของสน.พลับพลาไชย 1-2 ถ.พลับพลาไชย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่เยื้องกับศาลเจ้าไต่ฮงกง เจ้าพ่อยี่กอฮงมีชื่อเดิมว่า นายเตียง แซ่แต้ แต่เดิมทีนั้นท่านเป็นคนที่ชื่นชอบในเรื่องของการเสี่ยงโชคเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ซึ้งในสมัยรัชกาลที่ 6 ท่านได้เป็นที่ริเริ่มให้มีหวย กข ในย่านสามยอด […]

ความเชื่อโบราณ เข้าป่าไม่อยากหลง อย่าทำ สิ่งนี้เด็ดขาด !!

ความเชื่อโบราณ เข้าป่าไม่อยากหลง อย่าทำ สิ่งนี้เด็ดขาด !!

ความเชื่อโบราณ เข้าป่าไม่อยากหลง อย่าทำ สิ่งนี้เด็ดขาด !!   บทความนี้ ทางเลขเด็ดออนไลน์ ได้นำเรื่องราวความเชื่อโบราณ ที่ใช้สอนลูกหลาน มาให้อ่านกัน ข่าวตามสื่อที่ว่ามีคนหลงป่าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเข้าไปเที่ยวป่า เก็บเห็ด ล่าสัตว์ บางคนหลงเข้าไปในมิติเมืองลับแล บางคนออกมาได้ขณะที่บางคนต้องเสียชีวิต คติความเชื่อคนโบราณว่าในป่ามีเจ้าป่าเจ้าเขาคอยรักษาอยู่ คนที่เข้าไปแล้วทำบางสิ่งบางอย่างที่แสดงการลบหลู่โดยตั้งใจและไม่ต้องใจ เจ้าป่าจะลงโทษหนักเบาตามโทษที่ก่อไว้ แต่คนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนเคยเข้าป่าไปเช่นเดียวกันมีวิธีเดินป่าที่ปลอดภัย เรียกว่าเข้ากี่ครั้งไม่มีทางหลง   เอ่ยวาจาลบหลู่ คนโบราณว่าการเดินทางเข้าป่าต้องสงบปากสงบคำ ไม่ส่งเสียงเอะอะโวยวาย และไม่เอ่ยคำหลบหลู่เจ้าป่าเจ้าเขา เพราะในป่ามีเจ้าที่เจ้าทางคือวิญญาณคนที่เคยเสียชีวิตอยู่ก่อนแล้วในอดีต แต่มีความรักความผูกพันไม่ยอมไปภูมิที่ชอบ วิญญาณจะคอยวนเวียนอยู่ในป่า และคนเฒ่าคนแก่ว่าการกราบไหว้จากผู้คนบ่อย ๆ วิญญาณจะมีบารมีแก่กล้า มีอำนาจมาก จะดลให้หลงป่า   เผลอไปเหยียบเครือเขาหลง คนที่หลงป่าหลายคนบอกสาเหตุการหลงว่าไปเผลอเหยียบพืชชนิดหนึ่งที่ขึ้นปลกคลุมพื้นดินในป่าดงดิบ มีลักษณะไม้เลื้อย ใบเดี่ยว เรียงสลับ ลำต้นกลมสีดำอ่อนคล้ายเส้นผม มีขนปกคลุมออกดอกกระจุกคล้ายเส้นผม คนโบราณบางคนเรียกว่าเส้นผมนางไม้ คนโบราณว่าใครเผลอเหยียบจะหลงทิศ ไม่ทราบทิศเหนือใต้จนผู้เข้าป่าต้องหลงติดอยู่ในป่าออกมาไม่ได้ ขนาดนกที่บินผ่านยังหลงอยู่ที่ต้นไม้ที่อยู่ข้าง ๆ และจะตกมาตาย   ไม่ไหว้เจ้าที่เจ้าทางก่อน เหมือนการไปเที่ยวบ้านเพื่อนต้องไหว้พ่อแม่เพื่อนก่อนเสมอ แสดงความเคารพและให้เกียรติ เช่นเดียวกับการเข้าป่าไม่ว่าจะไปล่าสัตว์และกิจอื่นใด ควรทำการไหว้เจ้าที่เจ้าทางซึ่งคือเจ้าป่าเจ้าเขานั่นเอง คนโบราณว่าจะคุ้มครองดูแลตลอดการเข้าป่า ไม่ว่าจะไปปัสสาวะ ไปปลดทุกข์หนักจะปลอดภัยแต่ควรยกมือไหว้ขอก่อนเสมอ […]

ประเพณีการเชิดสิงโต ประวัติและความเป็นมา

ประเพณีการเชิดสิงโต ประวัติและความเป็นมา

ประเพณีการเชิดสิงโต   วันนี้ ทางเลขเด็ดออนไลน์ จะนำเสนอความรู้ให้ท่านได้ทราบ เกี่ยวกับ “ประเพณีการเชิดสิงโต” คนจีนโบราณมีความเชื่อว่าสิงโตเป็นบุตรของมังกร ซึ่งมีอำนาจและทรงพลังมากที่สุดในบรรดาบุตรทั้งหมด ได้รับมอบหมายจากสวรรค์ในฐานะผู้พิทักษ์ สิงโตจึงถือเป็น สัญลักษณ์ของพลังอำนาจ ความกล้าหาญ และความจงรักภักดี นอกจากนี้ยังเชื่อว่ากันว่าสิงโตเป็นสัตว์เทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้เพียงเสียงคำรามก็สามารถปัดเป่าวิญญาณและสิ่งชั่วร้ายได้ ด้วยเหตุนี้เองชาวจีนจึงนิยมสร้างรูปสลักสิงโตไว้ ตรงหน้าพระราชวัง ตามหน้าบ้านหรือสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์คอยคุ้มครองป้องกันภยันตราย ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ โดยจะสร้างสิงโตไว้ตรงหน้าประตู ทางเข้าเป็นคู่ นอกจากนี้ประเพณีความเชื่อที่สำคัญของจีนซึ่งมีมาแต่ช้านานจนถึงปัจจุบันก็คือประเพณีการเชิดสิงโต ตำนานที่มาของการเชิดสิงโตมีหลากหลายแตกต่างกัน ประเพณีการเชิดสิงโตยังแบ่งออกเป็นแบบเหนือ(ปักกิ่ง) ซึ่งเลียนแบบท่าทางของสุนัข(ก็เพราะว่าคนจีนไม่เคยเห็นว่าสิงโตจริงแล้วมีท่าทางอย่างไร) รูปข้างล่างเป็นสิงโต สไตล์เหนือ สิงโตแบบใต้จะเลียนแบบท่าทางของแมว ซึ่งยังแบ่งเป็นแบบกวางตุ้งและฮกเกี้ยนด้วย นอกจากนี้การเชิดสิงโตแบบใต้ ยังมีการแบ่งประเภทตามสีของหน้าสิงโต ได้แก่สีเหลืองจะหมายถึงเล่าปี่ สีแดงจะหมายถึงกวนอู และสีดำจะหมายถึงเตียวหุย และแบ่งตาม ลักษณะของขนและพู่       ติดตามอ่านความเชื่อ และคำทำนายแม่นๆแบบนี้ได้ใหม่ที่ www.lekdedonline.com เลขเด็ดออนไลน์ ตรวจผลหวยรัฐบาล หวยลาว หวยฮานอย หวยมาเลย์ แนวทางหวย รวบรวมทุกอย่างครบจบในเว็บเดียวเพื่อความสะดวกสบาย และยังมี วิธีการขอหวย สถานที่ขอหวยที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยรวบรวมมให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านศึกษากันอย่างครบครัน แนวทางที่ทางเว็บเรานำมาแบ่งปันให้คนรักหวยได้ชม. *** ดวงรายวัน เลขเด็ดมงคล […]

สอนวิธีทำบุญออกพรรษา เสริมดวงบารมี แก้บาปลดกรรม

สอนวิธีทำบุญออกพรรษา เสริมดวงบารมี แก้บาปลดกรรม

สอนวิธีทำบุญออกพรรษา เสริมดวงบารมี แก้บาปลดกรรม   บทความนี้ ทางเลขเด็ดออนไลน์ ได้นำเรื่องราวความเชื่อโบราณ มาฝากกัน วันออกพรรษาผ่านไปคนโบราณสมัยก่อนยังคงจะสอนลูกหลานให้ปฏิบัติธรรมทำบุญ เข้าวัดคือการสร้างอุบายการรวมญาติพี่น้องที่อยู่ไกลกลับบ้านร่วมงานบุญ ใครที่ก่อกรรมทำชั่วมาตลอดปีจะได้ทำบุญ ผู้ใดที่ดวงตก การทำบุญจะเสริมดวงบารมี แล้ววิธีทำบุญออกพรรษาแบบคนโบราณมีอะไรบ้าง   การทอดกฐิน ประเพณีสำคัญทางพระพุทธศาสนาเริ่มตั้งแต่แรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ดจนกระทั่งขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสอง กฐินเป็นภาษาบาลีแปลว่าไม้สะดึง คือกรอบไม้สี่เหลี่ยมสำหรับขึงผ้าคล้ายกับอุปกรณ์ปักชื่อบนเสื้อนักเรียน เพราะในอดีตการตัดเย็บจีวรสำหรับพระสงฆ์เป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่มีจีวรสำเร็จรูปวางจำหน่าย ฉะนั้นการเย็บต้องใช้สะดึงตึงผ้านับว่ายุ่งยากมาก มีหลายขั้นตอนต้องระดมพระสงฆ์หลายรูปช่วยกัน จนกระทั่งสำเร็จเรียกว่าผ้ากฐิน ใครที่มีความประสงค์จะทอดผ้ากฐินจะจองกฐินก่อน โดยมีหนังสือไปแจ้งเจ้าอาวาส เมื่อออกพรรษา จะสะดวกทอดวันใดเตรียมไตรจีวรพร้อมเครื่องบริขาร พิธีทอดกฐินเป็นงานใหญ่จะตั้งต้นกฐินไว้ที่บ้านเจ้าภาพที่มีลูกหลานมากมาย กลางคืนมีการละเล่นสนุกสนาน อุบายอย่างหนึ่งเป็นวันรวมญาติคนโบราณแล้ววันรุ่งขึ้นจะนำไปทอดที่วัด คติความเชื่อคนโบราณว่าการนำผ้ากฐินไปทอดแก่วัดที่พระจำพรรษาครบสามเดือนจะได้บุญกุศลแรง   ทำทาน คนโบราณจะสอนลูกหลานให้ทำทานอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในเทศกาลใดเพราะการบริจาคทานจะช่วยฝึกจิตคลายเรื่องความตระหนี่ลง การทำบุญตักบาตรเป็นการทำทานอย่างหนึ่งจิตใจ และธรรมเนียมไทยจะมีการกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลแด่เจ้ากรรมนายเวร เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยอารักขา พระภูมิเจ้าที่ จะคอยปกป้องคุณให้พ้นจากอุบัติเหตุเจ้ากรรมนายเวรที่เคยจองเวรแต่ปางก่อนจะอภัยคือ การลดบาปแก้กรรมชั่ว   การฝึกสมาธิ ผู้ใดฝึกสมาธิฝึกสมาธิคงไม่ปฏิเสธว่าเมื่อฝึกสมาธิ จิตใจจะสงบเพราะการงาน การคิดวางแผนจะสำเร็จต้องอาศัยจิตที่มีสมาธิ และลดอุบัติเหตุแก้กรรมจากการขับขี่ส่วนหนึ่งมาจากสาเหตุผู้ขับขี่ขาดสมาธิ ไปสนใจกับสิ่งแวดล้อมอื่นมากเกินไป และคนโบราณเชื่อว่าการฝึกเป็นประจำสม่ำเสมอจนระดับสูงเทวดาจะคอยคุ้มครอง   รักษาศีล คติความเชื่อคนโบราณว่าการรักษาศีลห้าอย่างสม่ำเสมอ ศีลจะเป็นเกราะคุ้มครองเพราะผลจากการรักษาศีลข้อหนึ่งจนกระทั่งข้อสี่จะไม่เบียดเบียนใคร ทั้งกายวาจาใจจะไม่มีเวรกรรมใด ๆ คอยติดตามคุณ […]