ตำนานไอ้ไข่ วัดสว่างอารมณ์ จากเรื่องเล่า สู่ความศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนเลื่อมใส

ตำนานไอ้ไข่ วัดสว่างอารมณ์ จากเรื่องเล่า สู่ความศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนเลื่อมใส

ตำนานไอ้ไข่ วัดสว่างอารมณ์ จากเรื่องเล่า สู่ความศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนเลื่อมใส ถ้าจะกล่าวกันถึง ความเชื่อและความศรัทธาของคนไทย ตั้งแต่ในอดีตสู่ปัจจุบัน ในแต่ละพื้นที่ และในแต่ละภูมิภาคในประเทศไทยนั้นมีมากมายหลายแบบแตกต่างกันไป ซึ่งทุกๆเรื่องนั้นล้วน แต่มีประวัติความเป็นมาแทบทั้งสิ้น ดังเช่น “วัดเจดีย์ไอ้ไข่” ณ วัดแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตั้งแต่ในละแวกใกล้วัดไปจนถึงต่างจังหวัดในแถบภาคใต้จากศรัทธาที่เชื่อกันว่า “ขอได้ไหว้รับ” โดยเฉพาะโชคลาภ และการค้าขาย “ไอ้ไข่” มีการเล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนว่า ไอ้ไข่นั้นเป็นวิญญาณเด็กอายุประมาณ 9 – 10 ขวบเป็นลูกศิษย์ซึ่งติดตามหลวงปู่ทวด วันหนึ่งท่านเดินธุดงค์อยู่บริเวณนั้น สถานที่ดังกล่าวกลับพบว่ามีทรัพย์สมบัติ และ ศาสนสถานที่สำคัญเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ให้ไอ้ไข่ สิงสถิตเฝ้าทรัพย์สมบัติดังกล่าว วิญญาณดวงนี้จึงเฝ้าดูแลปกปักษ์รักษาทรัพย์สินของแผ่นดิน อยู่ที่วัดแห่งนี้ตั้งแต่นั้นมา และหมู่บ้านนั้นภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “หมู่บ้านโพธิ์เสด็จ” จวบเท่าปัจจุบัน คำว่า “ไอ้ไข่” เพิ่งมาเรียกเอาตอนพ่อเที่ยงแกะสลักรูปไม้แล้ว เหตุผลว่า อาจารย์เที่ยงหรือผู้ใหญ่เที่ยงนิมิตว่ามีเด็กไปบอกให้สร้างรูปเมื่อประมาณปีพ.ศ.2523-2524 ในนิมิตเมื่อเห็นเด็กแก้ผ้า เปลือยกายกับพระจีวรสีคล้ำไปยืนให้เห็นในนิมิต และเอ่ยปากว่าแกะรูปเราให้ที เราจะได้มีที่อาศัยอยู่เป็นหลักแหล่ง ตาเที่ยงถามว่าใครหรือนี้ เด็กในนิมิตจึงบอกว่า “เราไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์” ตั้งแต่นั้นมาจึงได้รู้ว่าเด็กวัดนี้ชื่อ ไอ้ไข่ ในวัดเจดีย์ เต็มไปด้วยสิ่งของที่ผู้เลื่อมใสศรัทธาเอามาแก้บน เช่น รูปไก่ชน ชุดทหาร หนังสติ๊ก ของเล่นต่าง […]

อาถรรพ์หลวงพ่อด่วน เกจิเมืองใต้

อาถรรพ์หลวงพ่อด่วน เกจิเมืองใต้

อาถรรพ์หลวงพ่อด่วน เกจิเมืองใต้ เผาไม่ไหม้! ปาฎิหาริย์ หลวงพ่อด่วน เกจิอาจารย์ดังวัดวารีบรรพตหรือวัดบางนอน แสดงปาฏิหารย์ ในงานพระราชทานเพลิงศพ ท่ามกลางสายตาของประชาชนจำนวนมากที่มาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ไฟติดนานกว่า 30 นาทีแต่ทั้งศพและจีวรไม่ไหม้ คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์จึงได้ยุติการประชุมเพลิง และนำร่างของท่านลงจากเมรุพิธี ศิษยานุศิษย์ผู้อยู่ในเหตุการณ์ประชุมเพลิง คือนายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผอ.สถานศึกษา วิทยาลัยเทคนิคระนอง ผู้หนึ่งได้กล่าวว่า “ความประสงค์จริง ๆ ของหลวงพ่อด่วนนั้น ท่านไม่อยากให้เผา แต่ท่านอยากให้เก็บไว้ในโลงแก้ว” และนายจำเนียร ภูมิลักษณ์ ประธานสภาอบต.ประชาขันธ์ จ.พัทลุง หลานชายของหลวงพ่อด่วน ได้กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพและประชุมเพลิง ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะก่อนหน้านี้ได้เคยพบกับหลวงลุงและพูดคุยกันที่โรงพยาบาล ช่วงที่ท่านยังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล หลวงลุงได้บอกกับผมไว้ว่า ถ้ากูเป็นอะไรไปอย่าเผาท่านกู กูร้อน ถ้าใครไม่เชื่อแล้วจะได้เห็นเอง แต่ผมมาอยู่ตรงนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคณะกรรมการในการตัดสินใจและจัดงานศพให้กับหลวงลุง ได้แต่บอกกับทางคณะกรรมการว่า ถ้าในพิธีประชุมเพลิงจุดไฟไม่ติด หรือร่างท่านไม่ไหม้ ก็ให้หยุดทันที ซึ่งเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอย่างนั้นจริง ๆ วันที่ 17 ตุลาคม 2550 โดยมี นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองเป็นประธานฝ่ายฆราวาส […]

อาถรรพ์ แมวดำ

อาถรรพ์ แมวดำ

อาถรรพ์ แมวดำ  เรื่องเล่าหรือแค่ความเชื่อ “ผิดๆ” แมวดำกับผีนับว่าเป็นเรื่องน่ากลัวคู่กับไสยศาสตร์มาตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะคนไทยที่เชื่อว่าหากงานศพใด มีแมวดำเข้ามาเพ่นพ่าน สมควรไล่ไปให้พ้น เพราะหากเจ้าแมวดำดันมากระโดดข้ามโลงศพ มีหวังแขกแตกตื่นวิ่งไปคนละทางสองทาง เหตุเพราะเป็นการปลุกคนตายให้ฟื้นคืน หากเป็นการฟื้นคืนมาพร้อมลมหายใจ คงไม่มีใครเตลิด แต่เพราะเป็นการเรียกวิญญาณให้หวนคืน แถมฟื้นคืนมาคราวนี้จะมาพร้อมความอาฆาตพยาบาท อาละวาดหลอกหลอนคนอื่น หรือว่าจะมาดีก็ยังไม่รู้ เป็นใครก็ต้องวิ่งไปก่อนตามประสาคนกลัวผี ยิ่งโดยเฉพาะในพิธีงานศพ บรรยากาศวังเวงและเต็มไปด้วยความโศกสลดชวนให้ขนลุกขนพองแล้ว หากมีเจ้าแมวดำกับแววตาลุกโชน พร้อมทั้งส่งเสียงกรีดร้องก้องกังวานทั่วศาลาการเปรียญ ในยามที่ทุกคนต่างตกอยู่ในความนิ่ง ก็ยิ่งชวนให้ขนลุกขนพองสยองกันไปใหญ่ แต่เรื่องแมวดำยังคงเป็นเรื่องลี้ลับในบ้านเรา และประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายๆ ประเทศ อย่างในตำนานเก่าแกของอินเดียโบราณ เชื่อกันว่าแมวดำเป็นสัตว์ผี อันเป็นพาหนะของ”พระษัษฐี”ซึ่งคนอินเดียรู้จักกันดีว่าเป็นเทวีแห่งความตาย ของทารก หรือผีแม่ซึ่งประจำตัวเด็กนั่นเอง ว่ากันว่าหากใครเห็นแมวดำที่ไหนในทุกวันที่ 6 มักจะเห็น”พระษัษฐี”ปรากฎกายอยู่ ณ ที่นั่น ซึ่งหมายถึงว่าจะมีเด็กหรือมีคนตายที่นั่นด้วยเช่นกัน มาถึงพิธีศพ ชาวอินเดียจะขับไล่แมวดำที่มาป้วนเปี้ยนออกไป และถ้าหากบังเอิญแมวดำไปโดนศพเข้า ก็เชื่อกันว่าจะกลายเป็นรอยมลทินกับศพนั้นๆไปตลอด นี่คือความเชื่อของชาวอินเดีย ต่อมาเป็นความเชื่อของชาวจีน เชื่อกันว่าหากแมวดำข้ามศพ ศพนั้นจะฟื้นคืนชีพและกลายเป็นผีที่ดุร้าย ซึ่งก็ไม่ต่างจากไทย แต่ที่พิเศษกว่าคือ ต้องเอากรรไกรหรือเหล็กวางไว้บนอกศพ เพื่อเป็นเหมือนตัวการสะกดวิญญาณ ไม่ให้ลุกขึ้นมาเกี้ยวกราด และวิธีการนำกรรไกรมาวางไว้บนอกนั้น ก็ยังพบเห็นในงานพิธีศพของชาวมลายูด้วย   ขอขอบคุณ ข้อมูลและรูปภาพจาก : www.tnews.co.th , horoscope.thaiza.com […]

"5 เคล็ดลับ" วิธีขอหวย วัดไอ้ไข่

“5 เคล็ดลับ” วิธีขอหวย วัดไอ้ไข่

สำหรับคอหวยชาวไทยแล้วต่างก็รู้จัก วัดเจดีย์ ไอ้ไข่ กันเป็นอย่างดี เพราะขึ้นชื่อเรื่องให้โชคให้ลาภและการค้าขาย เพราะไม่ว่าใครที่ไปขอก็มักจะได้ตามปรารถนาที่ขออยู่เสมอ สำหรับใครที่อยากเดินทางไปกราบไหว้ขอพร และขอโชคขอลาภกับ ไอ้ไข่ วันนี้เว็บไซต์ เลขเด็ดออนไลน์ ได้ รวม 5 วิธีขอหวย วัดไอ้ไข่ เอาไว้ให้ใครที่มีศรัทธาเพื่อขอให้ตัวเองสมปรารถนา รวม 5 วิธีขอหวย วัดไอ้ไข่ ดังนี้ 1.ทาแป้งหาเลขนำไปเสียงโชค ที่วัดเจดีย์ไอ้ไข่ จะมีศาลาที่ตั้งของต้นตะเคียนยักศักดิ์สิทธิ์ ที่เล่านักเสียงโชคต่างก็ชอบนำเอาแป้งไปลงเพื่อถูหาเลข แต่ไม่ต้องถึงขั้นเตรียมอุปกรณ์กันไปเพียงแค่ไปไหว้ขอพร และ ถวายเครื่องบูชาตามที่ขอไว้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว “สำคัญอยู่ที่เมื่อถูกหวยแล้วอย่าลืมถวายเครื่องบูชาเพื่อเป็นการขอบคุณด้วยนะคะ” 2.แค่มีองค์รูปก็สามารถอธิฐานขอเลขที่บ้านได้ สามารถหาเช่าบูชาได้ที่วัดไอ้ไข่เท่านั้น เพราะพบของปลอมมากมาย เนื่องจากมีจำนวนคนที่ต้องการมากทำให้ไม่พอกับความต้องการ *ข้อปฏบัติในการบูชาไอ้ไข่วัดเจดีย์ ห้ามตั้งรวมกับหิ้งพระหรือพระพุทธรูป ควรตั้งแยก เพื่อเป็นการเคารพไอ้ไข่ เพราะศาสนาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ควรมีผ้าแดงปูรองรูปเหรียญองค์บูชา ต้องรักษาคำพูดและสัจจะ และระวังคำพูดให้มากๆ 3.ขอพรจากรูปปั้นไอ้ไข่ เพียงแค่มีความตั้งใจมากราบไว้และชอโชคลาภ ตามความเชื่อที่ว่า “ขอได้ ไหวรับ” ซึ่งทำให้ขออะไรมักจะได้สิ่งนั้น และที่ผ่านมาคนที่ขอโชคลาภจากรูปปั้นไอ้ไข่ถูกหวยกับหลายรายแล้ว *วิธีการขอพรหรือบนบานศาลกล่าวรูปปั้นไอ้ไข่ ให้จุดธูป3ดอก ท่อง นะโม 3 […]

อาถรรพ์ ศุกร์13  เรื่องเล่าสุดเฮี้ยน เพียงแค่บังเอิญ หรือเรื่องจริง ?

อาถรรพ์ ศุกร์13 เรื่องเล่าสุดเฮี้ยน เพียงแค่บังเอิญ หรือเรื่องจริง ?

อาถรรพ์ ศุกร์13 เรื่องเล่าสุดเฮี้ยน แค่บังเอิญ หรือเรื่องจริง ? ทางโหราศาสตร์เลข 13 ถือเป็นเลขมหาอุดได้ แล้วแต่ฤกษ์ที่จะคิดค้นขึ้นมาหรือฤกษ์ปลุกเสกขึ้นมา หรือจะเป็นด้านมืด “อาคมอุต” ก็ได้ (1+3 เท่ากับ 4 ทางจีนว่าไม่ดี) ตัวเลขก็เป็นเพียงตัวเลข ถ้าในตำราของไทยจริงๆ ยันต์ บางทีก็มีหมด ทั้ง 12 13 14 มีหมด ซึ่งเป็นหัวใจของพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ไม่มีตัวไหนที่ไม่เป็นมงคล ถือเป็นมงคลทั้งหมด หรืออย่างวันพุธที่หลายคนบอกว่าเป็น “วันหัวกุดท้ายเน่า” แต่อาจารย์กลับคิดว่าเป็นวันมงคล เป็นวันราหู จริงๆ คนเขาจะคิดไปเอง บางตำราก็จะเเยกแตกแขนงกันออกไป บางครั้งก็ถือหลายลัทธิ สำหรับอาถรรพ์เลข 13 ถ้าคนไทยที่เป็นหนอนหนังสือ ชอบอ่านหนังสือหน่อยก็อาจจะถือตามเมืองนอก แต่ถ้าคนที่เขาเล่นวิชาอาคมจริงๆ อย่างเช่นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เขาถือว่าเป็นวันมงคล.. “ศุกร์ 13 เป็นความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น” ด้าน อดิศร ยุทธโยธิน ผู้ช่วยเจ้าอธิการคริสตจักรพลับพลา ประชานิเวศน์ 1 ได้ให้ความเห็นว่า […]

อาถรรพ์วันโกน  ความเชื่อคืนก่อน "วันพระ" ทำบุญเสริมดวง โชคร้าย กลายเป็นดี

อาถรรพ์วันโกน ความเชื่อคืนก่อน “วันพระ” ทำบุญเสริมดวง โชคร้าย กลายเป็นดี

อาถรรพ์วันโกน ความเชื่อคืนก่อน “วันพระ” ทำบุญเสริมดวง โชคร้าย กลายเป็นดี ตั้งแต่สมัยโบราณ ด้วยว่าวันพระนั้น ถือเป็นพิเศษในทางพระพุทธศาสนา  เรียกวันพระ อีกชื่อหนึ่งว่า  “วันธรรมสวนะ”  หรือ วันอุโบสถ  เป็นวันแห่งการถือศีล ฟังธรรม ประกอบคุณงามความดีในคติพุทธ โดยในเดือนหนึ่งจะมีวันพระอยู่ทั้งหมด ๔ วันได้แก่ วันขึ้น ๘ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ แรม ๘ ค่ำ แรม ๑๕ ค่ำ หรือแรม ๑๔ ค่ำในเดือนขาด สมัยก่อนหากถึงวันพระ พุทธศาสนิกชนก็มักจะเดินทางไปที่วัด เพื่อฟังพระธรรมเทศนา สืบเนืองมาจนในปัจจุบัน ก็ยังคงให้ความสำคัญกับวันพระ หลายคนถือเอาวันพระเป็นวันของการถือศีล เป็นวันทำบุญใส่บาตร และอื่นๆอีกมาก วันพระจึงเป็นวันสำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีความเชื่อเกี่ยวกับอาถรรพ์ของวันพระที่มักจะเกิดเหตุ 2 ประการ คือ วันปล่อยผี บางท้องถิ่นจะมีความเชื่อว่า วันพระเป็นวันปล่อยผี หรือปลดปล่อยดวงวิญญาณ อีกทั้งเชื่อว่า ในวันพระ ในวันพระใหญ่ขึ้น 15 […]

คืนปล่อยผี เปิดตำนาน "วันสารทจีน" นรกปล่อบผีมารับส่วนบุญ !!

คืนปล่อยผี เปิดตำนาน “วันสารทจีน” นรกปล่อบผีมารับส่วนบุญ !!

คืนปล่อยผี เปิดตำนาน “วันสารทจีน” นรกปล่อบผีมารับส่วนบุญ “วันสารทจีน” ถือเป็นวันสำคัญของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนอีกวันหนึ่ง ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 5 ก.ย.60 ลูกหลานจะได้แสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษด้วยการสรรหาของมงคลต่างๆ มาเซ่นไหว้ และยังถือเป็นเดือนที่น่ากลัวที่สุด เพราะเป็นเดือนที่ “ประตูนรกเปิด” ให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้ จึงทำให้ “เทศกาลสารทจีน” มีสีสันการจับจ่ายใช้สอยของเซ่นไหว้กันอย่างคับคั่ง ตามธรรมเนียมของไหว้จะประกอบไปด้วยชุดอาหาร 3 ชุด ดังนี้ 1. อาหารสำหรับไหว้เจ้าที่ ชาวจีนจะทำการไหว้ตอนเช้า ซึ่งมีทั้งอาหารคาวหวานที่นิยมไหว้ คือ ขนมถ้วยฟู กุยช่าย ขนมเทียน ขนมเข่ง ต้องมีจุดสีแดงแต้มไว้ตรงกลาง เนื่องจากชาวจีนเชื่อกันว่าสีแดง คือสีแห่งความเป็นศิริมงคล นอกจากนั้นควรจะมี น้ำชา ผลไม้ เหล้าจีน หรือกระดาษเงิน กระดาษทอง 2. อาหารสำหรับไหว้บรรพบุรุษ อาหารนี้ก็แทบจะไม่ต่างกับอาหารที่ไหว้เจ้าที่ แต่อาจเพิ่มรายการที่บรรพบุรุษชอบ เช่น เป็ด ไก่ หมู ขนมถ้วยฟู ขนมเทียน ขนมเข่ง ผลไม้ น้ำชา แก่บรรพบุรุษ รวมไปถึงกระดาษเงิน […]

ผีจ้างหนัง ตำนานอาถรรพ์ เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน

ผีจ้างหนัง ตำนานอาถรรพ์ เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน

ผีจ้างหนัง ตำนานอาถรรพ์ เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน ป่าอาถรรพ์แห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่เลื่องชื่อเรื่องของความน่ากลัวชั่วข้ามคืน เพราะเรื่องเล่า “ผีจ้างหนังที่คำชะโนด” (คนอีสานเรียก ผีบังบด หรือเมืองลับแล ไม่สามารถมองเห็นได้ทั่วไป นอกเสียจากว่าจะมีอะไรดลใจให้เห็น) มีเรื่องเล่าว่าโดยเมื่อปี พ.ศ.2532 ธงชัย แสงชัย เจ้าของบริษัทหนังเร่ดังกล่าว ได้เล่าว่า ตนเองถูกว่าจ้างจากใครคนหนึ่งให้ไปฉายหนังกลางแปลงที่งานวัด ที่หมู่บ้านวังทอง แถวป่าคำชะโนด ด้วยจำนวนเงิน 4,000 บาท แต่มีข้อแม้คือ ต้องฉายจบแค่ตี 4 ของวันใหม่ และให้ออกจากหมู่บ้านก่อนฟ้าสาง โดยห้ามหันหลังกลับมามอง  หลังจากที่วางเงินมัดจำเสร็จ เจ้าของหนังก็จัดแจงเตรียมของอุปกรณ์สัมภาระ ฟิล์มหนังที่จะนำไปฉาย ไปกับลูกน้องอีก 4 รวมเป็น 5 คน โดยขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อมีหลังคา ออกจากตัวจังหวัดบ่ายแก่ ๆ ขับรถเข้าไปแถวป่าคำชะโนดก็เริ่มมืด ยิ่งขับไปทางเส้นทางตามที่ผู้ว่าจ้างบอกก็ไม่เห็นว่าจะเจอหมู่บ้านหรือคนที่จะมารับ จึงนึกว่าหลงกัน ระหว่างจอดรถว่าจะย้อนกลับไปดีหรือไม่ ก็มีผู้หญิง 2 คนใส่ชุดดำมาร้องเรียกว่าจะนำไปที่วัด คนขับที่เป็นเจ้าของหนังก็รับขึ้นรถ แต่แกก็สงสัยว่า 2 คนนี้โผล่มาจากไหนในที่มืดๆ อย่างนี้ […]

ตำนานศาลเจ้าพ่อเสือ  เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน

ตำนานศาลเจ้าพ่อเสือ เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน

ตำนานศาลเจ้าพ่อเสือ เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน ศาลเจ้าพ่อเสือเดิม มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ปีที่ก่อสร้างตรงกับ พ.ศ. 2377 มีความเกี่ยวเนื่องกับวัดมหรรณพาราม ตามตำนานที่ได้เล่าขานเรื่องของ เจ้าพ่อเสือเล่ากันว่า ยายผ่องและนายสอน สองแม่ลูกที่มีชีวิตลำบาก ด้วยความยากจนทุกๆวันนายสอนจะต้องเข้าป่า ไปเก็บของป่ากลับมาให้มารดาเสมอ วันหนึ่งนายสอนได้ออกหาของป่าเหมือนทุกวันๆ แต่วันนี้ของกลับหายากจึงต้องเดินลึกเข้าไปในป่า เขาได้พบกับซากกวางพึ่งตายใหม่ๆ เขารู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีเสือผู้เป็นเจ้าของซากกวางอยู่บริเวณนี้เป็นแน่ แต่ด้วยความกตัญญู นายสอนได้รำลึกถึงมารดา เขาอยากให้มารดาได้รับประทานเนื้อกวางนี้ จึงได้เข้าไปตัดเนื้อกวาง ตัดมาได้ก้อนหนึ่ง ซึ่งใน ขณะนั้น เสือที่ซุ่มอยู่ ได้กระโจนเข้ามากัดนายสอน จนสาหัส ขย้ำจนได้แขนของนายสอนไปข้างหนึ่ง นายสอนด้วยการป้องกันตัวจึึงได้ใช้มีด แทงไปที่หน้าผากของเสือตัวนั้นจนสาหัสเช่นกันและกระโจนจากไป หลังจากนายสอนหนีลงไปซ่อนตัวในหนองน้ำแล้ว นายสอนจึงค่อยตะเกียกตะกายกลับไปหามารดา แม้จะบาดเจ็บสาหัสแต่ด้วยใจที่รำลึกถึงมารดา เขาได้พาตัวเองกลับมาถึงบ้านได้ เมื่อยายผ่องผู้เป็นมารดาเห็นสภาพบุตรชาย จึงรีบถลาเข้ามา นายสอนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังจากนั้นไม่นานจึงสิ้นใจ ยายผ่องโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากได้นำเรื่องไปแจ้งแก้นายอำเภอเพื่อให้ช่วยตามเสือร้ายนั้นมาลงโทษ นายอำเภอเห็นใจและรวมตัวกับปลัดไปออกตามหาเสือร้ายตัวนั้น หาเท่าใดๆก็ไม่พบ ปลัดจึงไปยังวัดมหรรณพาราม ไปอธิษฐานหลวงพ่อบุญฤทธิ์ และหลวงพ่อพระร่วง (พระประธานใหญ่ในวัดมหรรณพาราม )หลังจากนั้นไม่นานนัก ด้วยแรงอธิษฐานแล้วเห็นอาการของเสือไม่มีร่องรอยแห่งความดุร้ายเหลืออยู่เลย มันทำตาริบหรี่คล้ายกลับยอมให้จับโดยดี เมื่อจับเสือได้ จึงนำตัวมันมาตัดสินประหารชีวิตมัน เสือตัวนี้มิได้ขัดขืนแต่อย่างใดแถมยังแสดงอาการ รับรู้รับฟังคำตัดสินแต่โดยดี […]

ตำนานนางตะเคียน ความเฮี้ยน ความศรัทธา หรือแค่งมงาย

ตำนานนางตะเคียน ความเฮี้ยน ความศรัทธา หรือแค่งมงาย

ตำนานนางตะเคียน ความเฮี้ยน ความศรัทธา หรือแค่งมงาย คนไทยมีความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วว่า ต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุยืนยาวนานปี มักจะมีรุกขเทวดาสถิตอยู่ทุกต้นรุกขเทวดาที่ประจำอยู่ตามต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ บางองค์มีฤทธิ์อำนาจสูง สามารถบันดาลความสุขความสำเร็จมาสู่ผู้คนที่กราบไหว้บูชาได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถนำความหายนะต่างๆมาสู่ผู้คนที่โค่นล้มทำลายจนถึง ตายได้เช่นกัน ดังเช่นเหตุการณ์อาถรรพณ์ในหลายครั้งที่เราท่านเคยได้ยินได้ฟังมา ด้วยเหตุนี้เราจึงเชื่อกันตลอดมาว่า ความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพณ์แห่งต้นไม้ใหญ่นั้นนับว่ามีอยู่มากมาย โดยเฉพาะ ต้นตะเคียน ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งชั้นดี มีขนาดลำต้นเสมอกันตรงตลอดจรดปลาย ซึ่งจัดว่าเป็นไม้หายากมีไม่มากนักในป่า ไม้ตะเคียนนั้น ถือว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีรุกขเทวดาสถิตอยู่ ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้หญิง แต่ภาษาชาวบ้านเรียกขานกันว่า “นางตะเคียนทอง” ด้วยสรรพคุณพิเศษของต้นตะเคียนดังกล่าวนี้เอง ในสมัยก่อนต้นตะเคียนจึงกลายเป็นไม้มงคล และในขณะเดียวกันก็มีความอาถรรพณ์แรงกล้า ดังปรากฎเป็นตำนานจากบันทึกในประวัติศาสตร์ยืนยันแน่ชัดว่ามีอยู่จริงๆหลาย เรื่อง เช่น เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เรือพระที่นั่งซึ่งใช้ไม้ตะเคียนขุดขึ้นมาทั้งลำและเก็บไว้ในคูน้ำที่แยกออก มาจากคลองรอบพระนคร ตั้งแต่เมื่อมีการนำเรือพระที่นั่งลำดังกล่าวเข้าไปจอดเก็บอยู่นั้น ก็มักมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาบ่อยครั้ง จนกระทั่งต่อมามีผู้คนเรียกขานชื่อคูน้ำแห่งนี้ว่า คูไม้ร้อง จนต้องยอมรับว่าอาถรรพณ์วิญญาณ นางตะเคียน ซึ่งสถิตอยุ่ในไม้ที่นำมาชุดเป็นเรือพระที่นั่งนั้นเฮี้ยนเอาเรื่องมากที เดียว ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งสามารถทำให้ผู้คนที่ได้รับฟังแล้วขนหัวลุกชันขึ้นมาทันตาเห็น ก็เป็นตำนานของ “เสาร้องไห้” ที่จังหวัดสระบุรี หรือที่เรียกกันติดปากจนกลายเป็นชื่ออำเภอ “เสาไห้” นั่นเอง ตามตำนานกล่าวว่า ครั้งหนึ่งได้มีเสาตะเคียนทองต้นหนึ่งจมอยู่ในแม่น้ำมานาน พออยู่มาก็เกิดแสดงอิทธิฤทธิ์ร้องไห้โหยหวน มาของเสาตะเคียนดังกล่าวนี้ มีมาตั้งแต่สมัยที่ทางราชการมีโองการให้ค้นหาไม้ตะเคียนมาเพื่อทำเสาชิงช้า ที่บริเวณวงเวียนเสาชิงช้า […]

ตำนานวัดป่าคำชะโนด กับความศรัทธาที่ไม่สิ้นสุด !!

ตำนานวัดป่าคำชะโนด กับความศรัทธาที่ไม่สิ้นสุด !!

ตำนานวัดป่าคำชะโนด  “เมืองพญานาค” กับความศรัทธาที่ไม่สิ้นสุด !!  มีเรื่องเล่ามากมายมานานแสนนาน ของคนแก่คนเฒ่า สืบทอดมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน กำตำนานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ใครๆก็ต่างพากันพูดถึงเรียกได้ว่าของแบบนี้เชื่อไม่เชื่ออย่าได้ลบหลู่เป็นเด็ดขาด “หนองกระแส” หรือ “หนองแส” ในอดีต ดินแดนที่ตั้งอยู่เหนือขึ้นไปในเขตประเทศลาว เล่าลือสืบต่อๆกันมานมนานแล้วว่าที่นั่นคือดินแดน “เมืองพญานาค” ว่ากันว่า…ดินแดนส่วนหนึ่งมี “เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธ” ปกครองอยู่ ส่วนที่เหลือก็ตกอยู่ในอำนาจครอบครองของ “เจ้าพ่อสุวรรณนาค” ดินแดนทั้งสองขั้วอำนาจอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีอาหารก็แบ่งกัน มีทุกข์ร้อนก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปตามประสา แต่มีข้อตกลงสำคัญกันว่า “ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดออกไปล่าเนื้อหาอาหาร อีกฝ่ายจะต้องไม่ออกไปเพราะอาจเกิดทะเลาะเบาะแว้งกันได้” หาอาหารมาได้ก็แบ่ง 2 ส่วน เอามาแบ่งกัน ตำนานวัดป่าคำชะโนด กับความศรัทธาที่ไม่สิ้นสุด !! อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดปัญหา เมื่อมีข้อขัดข้องหมองใจเรื่องการแบ่งสรรปันอาหาร กระทั่งแคลงใจกัน คิดว่าอีกฝ่ายเล่นไม่ซื่อ มีนอกมีใน ไม่ปฏิบัติตามสัญญา แม้ว่าอีกฝ่ายจะชี้แจงแถลงไขแต่ก็ไม่ยอมเชื่อ จนเกิดแตกหัก ทะเลาะกัน ถึงขั้นประกาศสงครามกันในที่สุด การต่อสู้เอาเป็นเอาตายหวังชนะก็เกิดขึ้น ทำให้พื้นที่เสียหายมหาศาลถึงขั้นที่ว่า…พื้นโลกสะเทือน เกิดแผ่นดินไหว เทวดาน้อยใหญ่ต่างก็ได้รับความเดือดร้อนไปทั้ง 3 ภพ ความล่วงรู้ไปถึงหู “พระอินทร์” จึงลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตรัสโองการให้นาคทั้งสองฝ่ายหยุดรบ […]

แม่นาคพระโขนง กับตำนานเรื่องเล่า รักแท้ชัวนิรันดร์

แม่นาคพระโขนง กับตำนานเรื่องเล่า รักแท้ชัวนิรันดร์

แม่นาคพระโขนง กับตำนานเรื่องเล่า รักแท้ชัวนิรันดร์ หากจะเอ่ยถึง ตำนานหรือเรื่องเล่าหลอนๆที่ทำให้เราหวาดกลัวที่สุด ตั้งแต่สมัยเด็กๆ จนถึงตอนนี้นั้น คงนี้ไม่พ้นเรื่อง “แม่นาค หรือ นางนาคพระโขนง ”  เป็นเรื่องราวที่ถูกกล่าวขานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเรื่องราวของหญิงตายทั้งกลมมีสามีชื่อว่า “มาก” ในขณะที่สามีเดินทางไปรับใช้ชาติระหว่างสงครามที่บางกอก ตามรายงานระบุว่านางนาคตายระหว่างคลอดลูก โดยศพของนางนาคถูกฝั่งไว้ป่าช้าหลังวัดมหาบุศย์ เมื่อสามีกลับมาจากสงครามก็พบกับภรรยาตัวเองที่เป็นคนปกติ ไม่แสดงถึงความเป็นวิญญาณหรือผีแต่อย่างใด ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมากไม่ได้ผิดสังเกตแต่อย่างใด จนท้ายที่สุดก็พบกับชาวบ้านมาบอกความจริงกับนายมากว่าภรรยาที่รักของตนเสียชีวิตไปแล้ว แต่นายมากเองก็ไม่ได้เชื่ออย่างเต็ม จนในที่สุดนายมากก็พบกับความจริงด้วยตัวเอง และพยายามหลบหนีจากภรรยา โดยได้หนีมาอาศัยกับพระรูปหนึ่งทำให้นางนาคทำอะไรไม่ได้ จากเรื่องเล่าที่มาแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้น ทำให้ผู้ที่รัก และเลื่อมใส ศรัทรา ในความรักของ ย่านาค ที่มีต่อสามี เปรีบยบดั่งความรักแท้จริง รักแท้ชั่วนิรันดร์ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือชีวิตได้ดับศูนย์ลงไปแล้วนั้น แต่ความรักของเธอที่มีต่อสามีก็ยังคงเหมือนเดิม ตามรายงานเพิ่มเติมกล่าวว่า  สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สะกดวิญญาณและนำนางนาคไปสู่สุคติด้วยการนำวิญญาณมาสะกดลงกระดูกบริเวณหน้าผากหรือปั้นเหน่ง(หน้าผาก)  ทำให้หลังจากนั้นไม่มีใครพบเห็น หรือเจอเรื่องราวที่น่าขนหัวลุกนี้อีกเลย… แต่ก็ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมาย ที่ต่างหาข้อเท็จจริงมาถกเถียงกัน ตามรายงานของผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของแม่นาคจริงๆ กลับพบว่าความจริงแล้วนั้น นางนาคตายขณะตั้งท้อง และทางฝ่ายลูกของผู้ตายหรือนาคกลัวว่าบิดาของตนจะไปมีภรรยาใหม่ จึงร่วมมือกันสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้ที่ผ่านมา เช่น […]

นรกสวรรค์ มีจริงหรือแค่นิทาน ?

นรกสวรรค์ มีจริงหรือแค่นิทาน ?

นรกสวรรค์ มีจริงหรือแค่นิทาน ? นิยามของคำว่า นรก-สวรรค์  เมื่อกล่าวถึง นรก และ สวรรค์แล้ว เกือบจะไม่มีใครที่ไม่ได้รับรู้หรือ ไม่เคยได้ยินได้ฟัง หรือไม่ได้รับคำสอนมาก่อน เกือบทุกคน จะได้รับคำสอนหรือคำบอกเล่าจากสังคม จากครอบครัว หรือจากศาสนาลัทธิที่ตนนับถือ เกี่ยวกับเรื่องของ นรกและสวรรค์ ซึ่งโดยทั่วไปจะกล่าวคล้ายคลึงกัน นั่นคือ นรก คือสถานที่ลงโทษ ทำการทรมานผู้ที่กระทำความผิดบาป ในเรื่องของศีลธรรม หรือในเรื่องของกรรม ที่เป็นกรรมชั่ว นรกในคำสอนของแต่ละศาสนา มักจะบรรยายถึงสภาพแห่งความทุกทรมาน เช่น จะถูกทุกตี ทิ่มแทง ด้วยของแหลมคม ถูกเผา ด้วยไฟที่ร้อนแรงกว่าที่เห็นในโลก ถูกต้มในน้ำเดือด ไม่มีอาหารนอกจากน้ำหนอง ผลไม้ที่เป็นหนามแหลมคม เมื่อกลืนเข้าไปจะทิ่มแทงกระเพาะลำไส้ ต่างๆนานา คำสอนเรื่องของนรก เป็นเรื่องที่บรรยายในสภาพที่น่ากลัว น่าสยดสยอง น่าหดหู่ ไม่ว่าในลัทธิหรือศาสนาใดๆส่วนใหญ่จะบรรยายและพรรณนาในรูปแบบที่คล้ายคลึงกันทั้งสิ้น สวรรค์ คือ สถานที่ตอบแทนสำหรับผู้ที่ประกอบกรรมดี มีศีลธรรม มีคุณธรรม เรื่องของสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่ศาสนาหรือลัทธิคำสอนทั้งหลายได้บรรยายในรูปแบบที่คล้ายคลึงกันคือ สวรรค์จะเต็มไปด้วยสิ่งสวยงาม มีอาหารที่มีรสอร่อยที่หลากหลาย มีสวนผลไม้ และต้นไม้ที่สวยสดงดงาม มีธารน้ำ […]

โลกหลังความตาย  มีจริงหรือแค่เรื่องเล่า ?

โลกหลังความตาย มีจริงหรือแค่เรื่องเล่า ?

โลกหลังความตาย มีจริงหรือแค่เรื่องเล่า ? ตั้งแต่สมัยโบราณ เรามักเชื่อกันว่า ดวงวิญญาณที่ออกจากร่าง ในตอนแรกจะวนเวียนอยู่บริเวณนั้น… พอได้สติ ก็จะมีท่านมัจจุราชทำหน้าที่มานำเอาวิญญาณของมนุษย์หรือสัตว์ที่ชะตาถึงฆาต พาไปยังยมโลก เพื่อตรวจสอบบาปบุญความดีความชั่ว ในขณะที่มีชีวิตอยู่ เชื่อว่า วิญญาณบาปจะถูกนำตัวส่งไปนรก 8 ขุมใหญ่ แต่ละขุมแบ่งย่อยขุมละ 36 แห่ง แต่ละแห่งมีการลงทัณฑ์และทรมานอีก 800 ด่าน แต่ละด่านมีเครื่องทรมานนับไม่ถ้วน วิญญาณบางดวงอาจตกนรกทั้ง 8 ขุมเลยก็มี โดยเฉพาะคนที่ทำกรรมชั่วมหันต์หรือเรียกว่า “อนันตริยกรรม” มีอยู่ 5 อย่าง คือ 1. ฆ่าพ่อ 2. ฆ่าแม่ 3. ฆ่าพระอรหันต์ 4. ยุยงสงฆ์ให้แตกแยก 5. ทำร้ายพระพุทธเจ้าห้อเลือด หลังจากที่คนเราตายประมาณ 1-2 วัน ปกติแล้วเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองตายหลังจาก 7 วันให้หลังเขาจึงจะรู้ว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้ 49 วัน เพื่อรอพิจารณาคดี ในระหว่างนั้นผู้ตายก็กำลังรอบุญกุศลจากลูกหลานทางโลก ที่กำลังง่วนอยู่กับงานศพของท่านนั้นเอง มาดูปรากฏการณ์ […]

ตายแล้วไปไหน ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร?

ตายแล้วไปไหน ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร?

ตายแล้วไปไหน ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร? โดยความเป็นจริงแล้วนั้น คนที่ตายแล้วจะไปเกิดที่ใดนั้นขึ้นอยู่กับวาระสุดท้ายของจิต หากขาดใจตายขณะจิตเศร้าหมอง ปฏิสนธิวิญญาณก็จะนำไปเกิดในทุคติภพหรืออบายภูมิ 4 อันมีนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน (จิตฺเตสงฺกิลิฏฺเฐฺ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา) หากตอนจะตาย จิตผ่องใส ปฏิสนธิวิญญาณก็จะนำไปเกิดในสุคติภพ อันมีมนุษย์ 1 สวรรค์ 6 ชั้น พรหม 20 ชั้น (จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐฺ สุคติ ปาฏิกงฺขา) หาก จิตหมดกิเลสตัณหา คือจิตของพระอรหันต์ ก็ไม่มีการเกิดอีก คนตายจะไปเกิดหรือไม่ และไปเกิด ณ ที่ใดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาวะจิตของเขา หาใช่มีผู้อื่นมาลิขิตไม่ ใครสร้างเหตุไว้เช่นใดย่อมจะได้รับผลเช่นนั้น พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ว่าด้วยเหตุและผลสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์ เช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (ค.ศ. 1879-1955) จึงยอมรับและกล่าวถึงพุทธศาสนาว่า “ศาสนาในอนาคตควรจะเป็นศาสนาที่เป็นสากล (cosmic religion) โดยไม่ยึดติดกับพระเจ้าหรือกฎเกณฑ์ข้อปฏิบัติอันเคร่งครัด จะต้องเป็นศาสนาที่มีพื้นฐานมาจากประสบการณ์ของทุกสรรพสิ่ง ทั้งที่เป็น […]