พระคาถามหาจักรพรรดิ์ เคล็ดลับการปรับภพภูมิให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อส่งผลดีต่อชีวิต

พระคาถามหาจักรพรรดิ์ เคล็ดลับการปรับภพภูมิให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อส่งผลดีต่อชีวิต

พระคาถามหาจักรพรรดิ์ คาถาจักรพรรดิ และ เชิญพระเข้าตัว พระคาถามหาจักรพรรดิ์ เป็นพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มาก และถือว่ามีพลังครอบจักรวาล ทั้งทำให้ชะตาชีวิตดีขึ้น ปฏิบัติธรรมได้เร็วขึ้น เป็นการเพิ่มบุญให้กับตัวเอง ทั้งยังเคล็ดในการปรับภพภูมิให้ผู้ที่ล่วงลับและเจ้ากรรมนายเวร คาถามหาจักรพรรดิ เป็นพระคาถาที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ชมพูปติสูตร” ในตอนที่พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเพื่อกำราบทิฐิพญา ชมพูบดีพระมหากษัตริย์ผู้มากด้วยอิทธิฤทธิ์ โดยผู้ที่รจนาพระคาถาบทนี้ขึ้นมาก็คือ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก จ.อยุธยา     พระผู้เป็นดั่งร่มโพธิ์แก้วที่แผ่กิ่งก้านใบบุญบารมีมอบความร่มเย็นเป็นสุข ให้แก่ลูกศิษย์ทั่วทุกชนชั้นอย่างไม่มีประมาณตามแนวทางแห่งพระศรีอาริยเมตไตรย์โพธิสัตว์และหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งพระคาถานี้เป็นพระคาถาหลักที่หลวงปู่ดู่ใช้ในการรวมบารมีแผ่เมตตาช่วย เหลือภพภูมิทั้งหลายทั่วสามแดนโลกธาตุ และใช้ในการอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องทุกชนิดของท่าน โดยท่านได้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหลาย รวมทั้งพระคาถามหาจักรพรรดินี้ ไว้ให้แก่ลูกศิษย์ผู้เป็นหน่อโพธิ์แก้วต้นใหม่ที่จะทำหน้าที่สร้างความร่ม เย็นเป็นสุขให้แก่ลูกศิษย์ในรุ่นหลังต่อไปก็คือ พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร หรือ หลวงตาม้า แห่งวัดถ้ำเมืองนะ นั่นเอง การจะปรับภพภูมิได้ต้องอาศัยกำลังบุญที่เราได้สร้างบุญมา ได้ทำการอธิษฐานและเชื่อมบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวรไปให้ตามเงื่อนไข 3 ประการคือ มีความสม่ำเสมอ มากพอ และนานพอแล้วจึงสวดคาถาพระจักรพรรดิ พระจักรพรรดินั้นเป็นพระปางหนึ่งของพระพุทธเจ้า ที่ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงเนรมิตพระรูปของพระองค์เองเป็น พระจักรพรรดิที่ใหญ่กว่ากษัตริย์ทั้งปวงเพื่อปราบมาร หากเป็นในยุคปัจจุบันก็คือพระพุทธรูปปางทรงเครื่องที่รู้จักกันดีก็คือ พระประธานที่หน้าวัดพระเมรุ จ.อยุธยา     คาถาพระจักรพรรดิ นั้นเป็นคาถาที่รวมพุทธคุณครอบจักรวาลที่มีพลานุภาพมาก ช่วยปรับในเรื่องต่างๆ จากร้ายให้กลับกลายมาเป็นดี หรือจากเรื่องที่ดีอยู่แล้วก็จะยิ่งทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เป็นการสวดแผ่เมตตาให้ดวงจิตวิญญาณและเจ้ากรรมนายเวรทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตทั้งหลายที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เพื่อปรับภพภูมิต่างๆ ให้เขาสูงขึ้นไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามในบริเวณบ้าน ตามถนน […]

สัมผัสพิศวง

สัมผัสพิศวง

สัมผัสพิศวง  ตอน“อยากรวย ต้องใช้หนี้ กรรมนี้ก่อเวร” สังเกตหลายครั้ง จากคนรอบตัวและผลของตัวเอง หลายครั้งที่เห็นคนที่พยายามชดใช้หนี้เล็กหนี้น้อย พยายามหาเพื่อใช้หนี้ เห็นก็มีแต่เจริญขึ้น ทำอะไรก็งอกงามจนหมดหนี้พ้นความขัดสนและทรัพย์งอกได้ในที่สุด ซึ่งต่างจากคนที่ไม่ชดใช้หนี้หรือเหนียวหนี้ ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่มีเหตุแห่งความขัดสนทำให้ชดใช้หนี้ไม่ได้ แต่ไม่พยายามจะชดใช้ ในผลแห่งการกระทำนี้ จะส่งผลให้ทำอะไรก็จะลงทางเสื่อม ทรัพย์หามาได้ก็มลายสูญ หาเงินได้ เงินก็สูญ เพราะว่า การทำให้ผู้อื่น ซึ่งอาจหมายถึงผู้มีบุญคุณที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลไว้ต้องได้รับความเดือดร้อน จึงเป็นผลกรรมและพลังลบที่ส่งมาถึง และ ยังหมายถึงพลังลบจากคำสาปแช่ง คำด่าทอเหยียดหยาม ที่ถูกส่งมาโดยตรงด้วยความเกลียดชัง จึงมีผลทำให้อะไรก็ติดขัดไปหมด ไม่ต่างอะไรจากเจ้ากรรมนายเวร หรือแม้แต่เจ้าหนี้ให้อภัย ตัดกรรมให้แล้ว แต่เทวดาจะไม่ส่งเสริมสนับสนุนคนเจตนาไม่ดี ไม่ถือศีล ทำให้โอกาสดีๆในชีวิตหลุดลอยไป … โดยส่วนตัวสังเกตเห็นจากคนรอบข้างหลายครั้งหลายหนและหลายคน คนที่เจริญงอกงาม และ คนที่ไหลลงทางเสื่อม การกระทำจากการชดใช้หนี้ เป็นแรงผลักผลกรรมอย่างมาก ตัวเราเองก็สังเกตเห็นว่า เวลาทำธุรกิจหรือธุรกรรมในลักษณะเครดิตกันไว้ เมื่อได้รับเงินค่างานแล้ว ไม่รีบไปชำระค่างานที่เครดิตไว้ จะไม่มีงานใหม่ๆเข้ามา แต่เมื่อใดที่รีบไปชำระเงิน จะมีโอกาส มีงานใหม่ๆเข้ามาเสมอๆ …. แรงพลังบวกและลบ จากคนอื่นๆ ที่คิดถึงและส่งมาถึงตัวเรานั้น มีความสำคัญ ถ้าผู้อื่นคิดถึงเราด้วยพลังบวก […]