เขาทับควาย กับตำนานลิงรบควายที่ จ. ลพบุรี

เขาทับควาย กับตำนานลิงรบควายที่ จ. ลพบุรี

เขาทับควาย คือเขาที่อยู่ที่ตำบลห้วยโป่ง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ปัจจุบันสถานที่นี้คือ วัดเขาทับควายหรืออีกชื่อ วัดสามัคคีธรรม ชื่อเขาทับควาย มีตำนานและที่มามาจากเรื่องรามเกียรติ์ ตอน พาลีรบทรพี ซึ่งมีเนื้อเรื่องดังนี้   ทรพี ควายป่าสีดำเติบใหญ่ขึ้นมาด้วยมีเทวดาคอยปกปักรักษาตามคำขอร้องของมารดา หลังจากฆ่า ทรพา ผู้เป็นพ่อ ทำให้ทรพีมีความเหิมเกริมเป็นอย่างมาก เที่ยวท้าเจ้าป่าเจ้าเขา และเทวดาทั้งหลายสู้รบ เหล่าเทวดาจึงบอกให้ไปท้าพระอิศวรที่เขาไกรลาส   พระอิศวรทรงพระพิโรธ ตรัสบริภาษแล้วบอกให้ไปท้ารบกับพญาพาลีผู้ครองนครขีดขิน และสาปว่าให้ทรพีตายด้วยน้ำมือของพญาวานร   ทรพีบุกเข้าถึงหน้าเมืองขีดหินท้าพาลีรบ พาลีสู้รบกับทรพีตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ จึงคิดว่าหากรบกันในที่โล่งคงยากที่จะเอาชนะได้ จึงออกอุบายให้ไปสู้รบกันที่ถ้ำ และได้สั่งสุครีพว่าเมื่อครบเจ็ดวันแล้วยังไม่กลับออกมา ให้เฝ้าดูรอยเลือด ถ้าเป็นเลือดข้นคือเลือดควาย ถ้าเห็นเลือดใสจะเป็นเลือดตน ให้พาไพร่พลขนหินมาปิดถ้ำเสียเพื่อที่ทรพีจะได้ถูกขังอยู่ในนั้น พระยาพาลีสูกับทรพีอยู่ถึง 7 วัน 7 คืน ไม่ชนะเนื่องจากเทวดาอารักษ์ จึงออกอุบายถามเจ้าทรพีว่า “เจ้าควายทรพีเจ้าเก่งกาจถึงเพียงนี้เพราะเจ้ามีผู้คอยช่วยเหลือปกป้องเจ้า ใช่หรือไม่” เจ้าทรพีซึ่งหยิ่งและอวดดีไม่รู้คุณเทวดาที่คอยปกป้องตนมาดังบุพการีก็กล่าวว่า “ข้าเก่งกาจเพราะตัวของข้าเอง หาได้มี เทวดา อ้ายอีตนไหนคอยปกป้อง ก็หาไม่” พระยาพาลีได้ยินดังนั้นจึงกล่าวต่อเหล่าเทวดาที่ปกป้องทรพีว่า “ดูก่อนท่านเทวดาทั้งหลาย ไอ้ควายป่าทรพีตนนี้หาได้สำนึกในบุญคุณของพวกท่านไม่ ขนาดพ่อมันยังคิดฆ่าได้ แม้พวกท่านคอยปกป้องมันไม่ให้ได้รับอันตรายมันก็ไม่สำนึก แล้วท่านยังจะปกป้องเจ้าควายที่ไม่รู้จักบุญคุณบุพการี ตัวนี้หรือ” เทวดาที่ปกป้องเจ้าควายทรพีได้ยินก็คิดเห็นเช่นเดียวกับที่พระยาพาลีแนะจึงรวมกันออกจากเขาและกีบเท้าไม่คอยปกป้องเจ้าทรพีอีกต่อไป พระยาพาลีได้ที่จึงเข้าห้ำหั่น จนสามารถฆ่าทรพีตาย […]

ทําบุญยังไงให้ได้บุญ ได้รับอานิสงส์ ครบ 9 ประการ

ทําบุญยังไงให้ได้บุญ ได้รับอานิสงส์ ครบ 9 ประการ

ทําบุญยังไงให้ได้บุญ ได้รับอานิสงส์ ครบ 9 ประการ หากจะกล่าวถึง “การทำบุญ” ย่อมเป็นเรื่องที่ดี ทำแล้วไม่มีคำว่าผลเสียอย่างแน่นอน แต่กลับสร้างแต่ความสบายใจและ ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ แต่หลายท่านก็คงจะมีความสงสัยไม่น้อย ว่าแล้วเราจะได้บุญจริงหรือ? แล้วเราจะต้องทำบุญแบบไหน กับอะไร เราถึงจะได้รับ ผลบุญและอานิสงส์ครบ 9ประการ ในวันนี้เรามีคำแนะนำในการทำบุญ 10 ประการแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้มาฝากกันค่ะ ให้อภัย ทำด้วยใจ หากมีสิ่งใดตกค้างขัดขวางอยู่บ้าง ก็สลัดออกไป ให้ด้วยความตั้งใจ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ทำใจให้ว่าง จิตใจต้องไม่เป็นทุกข์ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน คือวิธีการลดตัวตนชนิดหนึ่ง ไม่ยืดติดว่าเราเป็นใคร เต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น มีความปรารถนาดีให้แก่ผู้อื่นเสมอ การตั้งใจฟังธรรมจากพระสงฆ์ที่แสดงธรรม ล้วนเป็นการทำบุญ การมอบความดีให้แก่กันและกันตั้งใจเผื่อแผ่ความดีนั้นไปให้แก่ผู้อื่น ยินดีกับผู้อื่นเป็นการสร้างกำลังใจให้แก่สังคม สลายความอิจฉาจากใจ ไม่ตกนรก นั่งนอนเป็นสุข ใช้สติพิจารณา กิจกรรมที่ผ่านมาในชีวิตแล้ว ทบทวนว่า สิ่งใดดีควรจะเพิ่มเติม มาวมญฺเญถ ปุญฺญสฺส น มตฺตํ อาคมิสฺสติ อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ […]

กฎแห่งกรรม มีอยู่จริง " ใครก็หนีไม่ได้ "

กฎแห่งกรรม มีอยู่จริง ” ใครก็หนีไม่ได้ “

กฎแห่งกรรม มีอยู่จริง “ใครก็หนีไม่ได้” เร็วช้าก็ต้องเจอ มนุษย์เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับความเชื่อ และความศรัทราในหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ที่ว่าด้วยเรื่องกฏแห่งกรรม และประโยคที่ว่า “กรรมตามสนอง” นี้เรามักได้ยินบ่อยๆตั้งแต่จำความได้ ทว่า เราอาจจะไม่เคยมองเห็นว่า กรรม นั้นคืออะไร และจะมาในรูปแบบไหน แต่สิ่งที่เราควรตระหนักรู้ก็คือ กรรมไม่เคยละเว้นใคร ไม่ว่ากรรมนั้น จะเป็นบุญหรือบาป เรื่องของกฎแห่งกรรมนั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้มากมายในพระไตรปิฎก ถึงที่มาที่ไป เพราะเหตุใดถึงต้องมีชะตาชีวิตแบบนี้ การที่พระพุทธองค์นำมาแสดงไว้ เพื่อให้เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายได้ตระหนักถึงผลของกรรม หรือผลของการกระทำ จะได้ระมัดระวังในการดำรงชีวิต ไม่ไปทำผิดแบบนั้นอีก เพราะผลที่ออกมาก็จะต้องทำให้ชีวิตทนทุกข์ทรมานกันอีกนับไม่ถ้วน กฏแห่งกรรม ทำดี “ย่อม” ได้ดี ทำชั่ว “ย่อม” ได้ชั่ว เราทำกรรมชนิดใดเราก็ได้ผลของกรรมชนิดนั้น ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว นี่คือกฎของกรรม เป็นหลักการกว้างๆ ที่เราจะต้องจำเอาไว้ว่า หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น เรื่องของกฎแห่งกรรมไม่ได้นำมาแสดงให้กลัวจนยอมจำนนต่อกรรมแต่เพื่อให้เราเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพและเพื่อเปลี่ยนโชคชะตาชีวิตให้ดีขึ้นด้วยมือตัวเอง หลักการสำคัญที่เราชาวพุทธทั้งหลายควรตะหนักก็คือ การอยู่ในกาลปัจจุบัน อยู่กับกรรมในปัจจุบันมิใช่ไปยืดติดกับกรรมเก่าในอดีต ไปยอมจำนนต่อกรรมเก่าจนไม่กล้า ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือเปลี่ยนกรรมในปัจจุบันให้ดีขึ้น พร้อมรู้จักระงับกรรมไม่ดีมากมายที่ไม่ควรทำ อันชีวิตของเรานั้น มาจากกรรมลิขิตทั้งสิ้น ไม่ได้มาจากอำนาจอื่นใด […]

อาถรรพ์วันโกน  ความเชื่อคืนก่อน "วันพระ" ทำบุญเสริมดวง โชคร้าย กลายเป็นดี

อาถรรพ์วันโกน ความเชื่อคืนก่อน “วันพระ” ทำบุญเสริมดวง โชคร้าย กลายเป็นดี

อาถรรพ์วันโกน ความเชื่อคืนก่อน “วันพระ” ทำบุญเสริมดวง โชคร้าย กลายเป็นดี ตั้งแต่สมัยโบราณ ด้วยว่าวันพระนั้น ถือเป็นพิเศษในทางพระพุทธศาสนา  เรียกวันพระ อีกชื่อหนึ่งว่า  “วันธรรมสวนะ”  หรือ วันอุโบสถ  เป็นวันแห่งการถือศีล ฟังธรรม ประกอบคุณงามความดีในคติพุทธ โดยในเดือนหนึ่งจะมีวันพระอยู่ทั้งหมด ๔ วันได้แก่ วันขึ้น ๘ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ แรม ๘ ค่ำ แรม ๑๕ ค่ำ หรือแรม ๑๔ ค่ำในเดือนขาด สมัยก่อนหากถึงวันพระ พุทธศาสนิกชนก็มักจะเดินทางไปที่วัด เพื่อฟังพระธรรมเทศนา สืบเนืองมาจนในปัจจุบัน ก็ยังคงให้ความสำคัญกับวันพระ หลายคนถือเอาวันพระเป็นวันของการถือศีล เป็นวันทำบุญใส่บาตร และอื่นๆอีกมาก วันพระจึงเป็นวันสำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีความเชื่อเกี่ยวกับอาถรรพ์ของวันพระที่มักจะเกิดเหตุ 2 ประการ คือ วันปล่อยผี บางท้องถิ่นจะมีความเชื่อว่า วันพระเป็นวันปล่อยผี หรือปลดปล่อยดวงวิญญาณ อีกทั้งเชื่อว่า ในวันพระ ในวันพระใหญ่ขึ้น 15 […]

คืนปล่อยผี เปิดตำนาน "วันสารทจีน" นรกปล่อบผีมารับส่วนบุญ !!

คืนปล่อยผี เปิดตำนาน “วันสารทจีน” นรกปล่อบผีมารับส่วนบุญ !!

คืนปล่อยผี เปิดตำนาน “วันสารทจีน” นรกปล่อบผีมารับส่วนบุญ “วันสารทจีน” ถือเป็นวันสำคัญของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนอีกวันหนึ่ง ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 5 ก.ย.60 ลูกหลานจะได้แสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษด้วยการสรรหาของมงคลต่างๆ มาเซ่นไหว้ และยังถือเป็นเดือนที่น่ากลัวที่สุด เพราะเป็นเดือนที่ “ประตูนรกเปิด” ให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้ จึงทำให้ “เทศกาลสารทจีน” มีสีสันการจับจ่ายใช้สอยของเซ่นไหว้กันอย่างคับคั่ง ตามธรรมเนียมของไหว้จะประกอบไปด้วยชุดอาหาร 3 ชุด ดังนี้ 1. อาหารสำหรับไหว้เจ้าที่ ชาวจีนจะทำการไหว้ตอนเช้า ซึ่งมีทั้งอาหารคาวหวานที่นิยมไหว้ คือ ขนมถ้วยฟู กุยช่าย ขนมเทียน ขนมเข่ง ต้องมีจุดสีแดงแต้มไว้ตรงกลาง เนื่องจากชาวจีนเชื่อกันว่าสีแดง คือสีแห่งความเป็นศิริมงคล นอกจากนั้นควรจะมี น้ำชา ผลไม้ เหล้าจีน หรือกระดาษเงิน กระดาษทอง 2. อาหารสำหรับไหว้บรรพบุรุษ อาหารนี้ก็แทบจะไม่ต่างกับอาหารที่ไหว้เจ้าที่ แต่อาจเพิ่มรายการที่บรรพบุรุษชอบ เช่น เป็ด ไก่ หมู ขนมถ้วยฟู ขนมเทียน ขนมเข่ง ผลไม้ น้ำชา แก่บรรพบุรุษ รวมไปถึงกระดาษเงิน […]

ผีจ้างหนัง ตำนานอาถรรพ์ เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน

ผีจ้างหนัง ตำนานอาถรรพ์ เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน

ผีจ้างหนัง ตำนานอาถรรพ์ เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน ป่าอาถรรพ์แห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่เลื่องชื่อเรื่องของความน่ากลัวชั่วข้ามคืน เพราะเรื่องเล่า “ผีจ้างหนังที่คำชะโนด” (คนอีสานเรียก ผีบังบด หรือเมืองลับแล ไม่สามารถมองเห็นได้ทั่วไป นอกเสียจากว่าจะมีอะไรดลใจให้เห็น) มีเรื่องเล่าว่าโดยเมื่อปี พ.ศ.2532 ธงชัย แสงชัย เจ้าของบริษัทหนังเร่ดังกล่าว ได้เล่าว่า ตนเองถูกว่าจ้างจากใครคนหนึ่งให้ไปฉายหนังกลางแปลงที่งานวัด ที่หมู่บ้านวังทอง แถวป่าคำชะโนด ด้วยจำนวนเงิน 4,000 บาท แต่มีข้อแม้คือ ต้องฉายจบแค่ตี 4 ของวันใหม่ และให้ออกจากหมู่บ้านก่อนฟ้าสาง โดยห้ามหันหลังกลับมามอง  หลังจากที่วางเงินมัดจำเสร็จ เจ้าของหนังก็จัดแจงเตรียมของอุปกรณ์สัมภาระ ฟิล์มหนังที่จะนำไปฉาย ไปกับลูกน้องอีก 4 รวมเป็น 5 คน โดยขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อมีหลังคา ออกจากตัวจังหวัดบ่ายแก่ ๆ ขับรถเข้าไปแถวป่าคำชะโนดก็เริ่มมืด ยิ่งขับไปทางเส้นทางตามที่ผู้ว่าจ้างบอกก็ไม่เห็นว่าจะเจอหมู่บ้านหรือคนที่จะมารับ จึงนึกว่าหลงกัน ระหว่างจอดรถว่าจะย้อนกลับไปดีหรือไม่ ก็มีผู้หญิง 2 คนใส่ชุดดำมาร้องเรียกว่าจะนำไปที่วัด คนขับที่เป็นเจ้าของหนังก็รับขึ้นรถ แต่แกก็สงสัยว่า 2 คนนี้โผล่มาจากไหนในที่มืดๆ อย่างนี้ […]

ตำนานศาลเจ้าพ่อเสือ  เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน

ตำนานศาลเจ้าพ่อเสือ เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน

ตำนานศาลเจ้าพ่อเสือ เรื่องเล่าจากอดีต สู่ปัจจุบัน ศาลเจ้าพ่อเสือเดิม มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ปีที่ก่อสร้างตรงกับ พ.ศ. 2377 มีความเกี่ยวเนื่องกับวัดมหรรณพาราม ตามตำนานที่ได้เล่าขานเรื่องของ เจ้าพ่อเสือเล่ากันว่า ยายผ่องและนายสอน สองแม่ลูกที่มีชีวิตลำบาก ด้วยความยากจนทุกๆวันนายสอนจะต้องเข้าป่า ไปเก็บของป่ากลับมาให้มารดาเสมอ วันหนึ่งนายสอนได้ออกหาของป่าเหมือนทุกวันๆ แต่วันนี้ของกลับหายากจึงต้องเดินลึกเข้าไปในป่า เขาได้พบกับซากกวางพึ่งตายใหม่ๆ เขารู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีเสือผู้เป็นเจ้าของซากกวางอยู่บริเวณนี้เป็นแน่ แต่ด้วยความกตัญญู นายสอนได้รำลึกถึงมารดา เขาอยากให้มารดาได้รับประทานเนื้อกวางนี้ จึงได้เข้าไปตัดเนื้อกวาง ตัดมาได้ก้อนหนึ่ง ซึ่งใน ขณะนั้น เสือที่ซุ่มอยู่ ได้กระโจนเข้ามากัดนายสอน จนสาหัส ขย้ำจนได้แขนของนายสอนไปข้างหนึ่ง นายสอนด้วยการป้องกันตัวจึึงได้ใช้มีด แทงไปที่หน้าผากของเสือตัวนั้นจนสาหัสเช่นกันและกระโจนจากไป หลังจากนายสอนหนีลงไปซ่อนตัวในหนองน้ำแล้ว นายสอนจึงค่อยตะเกียกตะกายกลับไปหามารดา แม้จะบาดเจ็บสาหัสแต่ด้วยใจที่รำลึกถึงมารดา เขาได้พาตัวเองกลับมาถึงบ้านได้ เมื่อยายผ่องผู้เป็นมารดาเห็นสภาพบุตรชาย จึงรีบถลาเข้ามา นายสอนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังจากนั้นไม่นานจึงสิ้นใจ ยายผ่องโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากได้นำเรื่องไปแจ้งแก้นายอำเภอเพื่อให้ช่วยตามเสือร้ายนั้นมาลงโทษ นายอำเภอเห็นใจและรวมตัวกับปลัดไปออกตามหาเสือร้ายตัวนั้น หาเท่าใดๆก็ไม่พบ ปลัดจึงไปยังวัดมหรรณพาราม ไปอธิษฐานหลวงพ่อบุญฤทธิ์ และหลวงพ่อพระร่วง (พระประธานใหญ่ในวัดมหรรณพาราม )หลังจากนั้นไม่นานนัก ด้วยแรงอธิษฐานแล้วเห็นอาการของเสือไม่มีร่องรอยแห่งความดุร้ายเหลืออยู่เลย มันทำตาริบหรี่คล้ายกลับยอมให้จับโดยดี เมื่อจับเสือได้ จึงนำตัวมันมาตัดสินประหารชีวิตมัน เสือตัวนี้มิได้ขัดขืนแต่อย่างใดแถมยังแสดงอาการ รับรู้รับฟังคำตัดสินแต่โดยดี […]