ความเชื่อเรื่องเงินใส่ปากศพ

ความเชื่อเรื่องเงินใส่ปากศพ

ความเชื่อเรื่องเงินใส่ปากศพ

 

เงินใส่ปากศพ การนำเงินใส่ปากศพ ถือว่าเป็นความเชื่อในสังคมไทย มาช้านาน แม้แต่ชาติอื่นๆ ก็มีความเชื่อในเรื่อนี้อยู่ไม่น้อย จะแตกต่างกันในข้อปฏิบัติ ซึ่งในสังคมไทยวิธีปฏิบัติก็คือ จะนำ เงินพดด้วง หรือเงินเหรียญบาทหนึ่งหรือจะเป็นเหรียญสลึงสองสลึงไม่กำหนด แล้วห่อผ้าขาวผูกเชือกไว้หางยาว หย่อนลงในปากศพ ให้เชือกห้อยออกมานอกปาก ถ้าไม่ผูกเชือก จะห่อให้โตพอไม่ให้เลื่อลึกลงไปในลำคอ เพราะเวลานำไปเผาจะได้ เอาออกมาเพื่อเก็บเป็น ที่ระลึกหรือเครื่องรางได้ ในปัจจุบันบางทีก็ใช้ของมีราคา เช่น ทองคำ บรรจุแทนก็ได้ มีคำอธิบาย ไว้หลายเหตุผล

ประการแรก การนำเงินใส่ปากศพก็เพื่อผู้ตายจะได้เอา ทรัพย์ติดตัว ไปใช้สอย ในเมืองผี แต่มีข้อสงสัยว่าทำไมจึงใส่เงินในปาก แค่เพียงหนึ่งบาทเท่านั้น แต่ตามความเชื่อของคนจีน จะมีการเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ผู้ตายคราวละมากๆ จะเห็นได้ว่า มีความแตกต่างกันระหว่างความเชื่อของคนไทยกับคนจีน

ประการที่สอง เพื่อให้พิจารณาเห็นว่า บรรดา ทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้ แม้มากสักเท่าใด ตายแล้วก็นำติดตัวไปไม่ได้ เขาย่อมควักเอาออกจากปาก สุดท้ายจะเอาไปได้ก็แต่กรรมที่ทำไว้ ซึ่งย่อมติดตามไปคล้ายเงาตน และจะส่งผลให้ได้ รับทุกข์ หรือสุขก็ตามแต่กรรมที่ตนได้กระทำไว้ เพราะฉะนั้น คนเราเกิดมาอย่าได้ ลุ่มหลงอยู่กับ ทรัพย์สมบัติ

ประการที่สาม เพื่อให้เป็นค่าจ้างแก่สัปเหร่อที่จะนำศพไปเผา ที่ต้องนำไปใส่ไว้ ในปากเพราะว่าจะได้ค้นหาได้สะดวก เพราะถ้าเจ้าภาพบิดพลิ้วสัญญาค่าจ้างภายหลัง เงินใส่ปากศพจะกลายเป็นเงินค่าจ้าง เพราะในสมัยก่อนเงินบาทมีค่ามาก ตามความเชื่อ ของกรีกโบราณที่เล่าต่อๆกันมาว่า ผู้ที่ตายวิญญาณจะไปสู่เมืองผี ซึ่งเมืองนี้อยู่ใต้ เมืองมนุษย์ ทางทิศตะวันตกอันไกลแสนไกล จะมีแม่น้ำปันแดนความสว่าง และความมืดชื่อว่า “แม่น้ำสติกษ์” (แปลว่าดำมืด) วิญญาณของผู้ตายไปสู่เมืองผีได้ก็ต้องข้ามแม่น้ำนี้ มีมนุษย์ชื่อว่า “การน” มีรูปร่าง เป็นคนแก่ผมหยิกดำ หนวดเครารุงรัง แจวเรือรับส่งวิญญาณข้ามฟาก โดยคิดค่าจ้างรับส่ง เป็นเงิน หนึ่งอะบะลัส

ด้วยเหตุนี้เมื่อมีคนตาย ชาวกรีกโบราณจะนำเงินหนึ่งอะบะลัส ใส่ปากศพตรงใต้ลิ้น สำหรับเป้นค่าจ้าง ข้ามส่งให้กับมนุษย์การน เมื่อข้ามฟากได้แล้ววิญญาณจะถูกพาไปศาลเมืองผี และ จะถูกไต่สวนถึงบาปบุญที่ได้ทำไว้แต่ครั้งยังอยุ่ในโลกมนุษย์ ถ้าวิญญาณ ได้ทำบุญ ไว้จะถูก พิพากษาให้ไปสู่สถานบรมสุขเรียกว่า “อีลีเซียม” ซึ่งเป็นแดนรื่นรมย์ เมื่อเสวยสุขครบพันปี วิญญาณ จะกลับมาเกิดในเมืองมนุษย์อีกครั้ง แต่ก่อนที่เวียนมาเกิดใหม่ วิญญาณจะต้องดื่มน้ำ ในแม่น้ำลีซี เพื่อ ให้ลืมความหลัง ส่วนวิญญาณที่ทำบาป จะถูกพาไปสู่นรก “ฮาดีส”

ในปัจจุบัน ชาวยุโรปที่นับถือลัทธิคริสตัง ที่สืบประเพณีโบราณกันมา จะเอาเบี้ยทองแดงเพนนีหนึ่งวางไว้ ตรากระบอกตาของคนตาย เพื่อใช้เป็นค่าจ้างข้ามแม่น้ำแห่งความตาย

ชาวฮินดู ก็มีความเชื่อ ในเรื่องนี้ไม่น้อยเหมือนกัน โดยจะเอาเงินและข้าวสารเล็กน้อยใส่ปากศพ พวกสิงโพที่เป็น ชาวป่าของพม่า เมื่อแต่งตัวศพเรียบร้อยแล้ว จะเอาเนื้อหมูและเหล้าและข้าวเซ่นสรวง และเอาเงินใส่ปากศพ ถ้าผู้ตายเป็นหัวหน้าจะเอาเอาหินแก้วอันมีค่าใส่ไว้ใต้รักแร้ ข้างละเม็ด แล้วจึงนำใส่โลง

ชาวจีนจะเอาอีแป๊ะใส่ปากศพและเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ด้วย ขอขอบคุณ ประเพณีเกี่ยวกับชีวิต ของเสฐียรโกเศศ การตาย

 

 

ติดตามอ่านความเชื่อ และคำทำนายแม่นๆแบบนี้ได้ใหม่ที่ www.lekdedonline.com

เลขเด็ดออนไลน์ ตรวจผลหวยรัฐบาล หวยลาว หวยฮานอย หวยมาเลย์ แนวทางหวย รวบรวมทุกอย่างครบจบในเว็บเดียวเพื่อความสะดวกสบาย และยังมี วิธีการขอหวย สถานที่ขอหวยที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยรวบรวมมให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านศึกษากันอย่างครบครัน แนวทางที่ทางเว็บเรานำมาแบ่งปันให้คนรักหวยได้ชม.

*** ดวงรายวัน เลขเด็ดมงคล เลขมงคล เลขเสี่ยงทาย ดูดวงจากตัวเลข ทำนายฝัน ***

ต้องที่นี่ >>> เลขเด็ดออนไลน์ <<<

 

 

ที่มา www.amulet.in.th/

ภาพจาก : ช่อง 3

เรื่องน่าสนใจ

ความเชื่อ ลางสังหรณ์ เรื่องลี้ลับที่คนโบราณว่าไม่ลับ

ความเชื่อ ลางสังหรณ์ เรื่องลี้ลับที่คนโบราณว่าไม่ลับ

ความเชื่อ ลางสังหรณ์ เรื่องลี้ลับที่คนโบราณว่าไม่ลับ   บทความนี้ ทางเลขเด็ดออนไลน์ ได้นำเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อ มาฝากกัน คุณเคยมีอาการแปลก ๆ ก่อนที่จะมีเหตุการณ์ร้ายไหม แล้วคนที่บอกเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะร้ายดี คติความเชื่อคนโบราณว่าการที่มีลางสังหรณ์ล่วงรู้เหตุการณ์ได้นี้เป็นสิ่งที่ทุกคนมีได้จากการฝึกฝน เพราะไว้ป้องกันสิ่งร้ายที่จะเกิดกับตัวคุณ คนโบราณมีวิธีฝึกจิตให้มีลางสังหรณ์ที่คุณเองฝึกฝนได้ จะฝึกอย่างไร        การฝึกสมาธิ เมื่อคนมีศีลจิตจะสงบไม่ฟุ้งซ่าน การฝึกสมาธิจะสำเร็จ คนโบราณว่าการเริ่มฝึกสมาธิต้องเริ่มจากการนั่งฟังบทสวดมนต์ เวลาก่อนนอน เพราะการฟังบทสวดมนต์จะทำให้จิตนิ่งคุณเริ่มรู้ตัวว่าคลื่นสมองอยู่ในระดับหนึ่ง และควบคุมได้ แล้วก็เริ่มนั่งสมาธิก่อนโดยการนั่งภาวนาจิตกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบการทำสมาธิทั่วไป บริกรรมยุบหนอ พองหนอแบบการฝึกสมาธิขั้นต้นจากนั้นตื่นแต่เช้าแล้วฟังบทสวดมนต์จนกระทั่งจิตนิ่ง คลื่นสมอง ควบคุมความคิดได้ไม่ฟุ้งซ่าน        ทำบุญใส่บาตร คนสมัยก่อนว่าการทำบุญใส่บาตรคือกลอุบายอย่างหนึ่งให้คนปราศจากความตระหนี่ แต่การใส่บาตรกับพระภิกษุ คือการให้ทานแด่สาวกพระพุทธเจ้ายิ่งได้ใส่บาตรกับพระสงฆ์ที่ปฏิบัติชอบเคร่งในศีลจะมีบารมี ภาวนาว่าขอให้มีญาณวิเศษรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ บางคนชอบอยู่กับธรรมชาติ ควรนั่งฟังเสียงนกร้อง น้ำตกเป็นเวลานาน ๆ ใจจะสงบ จนหยุดความคิดเองได้ทั้งหมดจนเกิดลางสังหรณ์ได้ขณะจิตนิ่ง        พระสงฆ์ที่เคร่งครัดการปฏิบัติพระธรรมวินัย จนเข้าสมาธิขั้นสูงจะมีญาณวิเศษล่วงรู้อะไรเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่บางคนเกิดมาพร้อมกับลางสังหรณ์ ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะ จิตใจเขาสงบ จนหยุดความคิดที่ฟุ้งซ่านเหตุการณ์ล่วงหน้าบางอย่างจะเกิดเป็นภาพ เมื่อฝึกฝนตามคำแนะนำแล้วลางสังหรณ์จะอยู่กับคุณ   […]

ควรรู้ !! เป็น ''โรคเบาหวาน'' กินผลไม้อะไรได้ไม่ได้บ้าง ?

ควรรู้ !! เป็น ”โรคเบาหวาน” กินผลไม้อะไรได้ไม่ได้บ้าง ?

เป็น ”โรคเบาหวาน” กินผลไม้อะไรได้ไม่ได้บ้าง ?   โรคเบาหวาน ถือเป็นอีก 1 โรคที่คนชอบเป็นกันส่วนหนึ่งได้รับการถ่ายทอกมาทางพันธุกรรม แต่ก็ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่เสี่ยงเป็นโรคนี้ได้เหมือนกัน คือคนที่อ้วนเกินไปมีน้ำหนักเกิน ไม่ออกกำลังกาย หรือจะเป็นคนที่มีไขมันในเลือดสูง แน่นอนเมื่อเป็นโรคนี้ เราต้องควบคุมตัวเองหลายๆเรื่อง และเรื่องที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือการทานอาหารนั้นเองค่ะ เพราะถ้าหากเผลอรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงเข้าไปก็ยิ่งจะส่งผลร้ายกับโรคเบาหวานที่เป็นอยู่ ซึ่งก็มีผู้ป่วยเบาหวานจำนวนไม่น้อยที่หลีกเลี่ยงการรับประทานแป้ง กับน้ำตาล และหันมารับประทานผลไม้ให้มากขึ้น เพราะเชื่อว่าผลไม้นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีน้ำตาลไม่สูง แต่นั่นก็ไม่ถูกต้องเสียทั้งหมดค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วผลไม้บางชนิดก็มีน้ำตาลสูงจนควรหลีกเลี่ยงเลยเชียวล่ะ แต่ว่าจะมีผลไม้ชนิดไหนบ้างที่ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทาน หรือรับประทานได้แต่ควรจำกัดปริมาณ เราตามไปดูกันเลย   ผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทาน ผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทานก็คือผลไม้ในกลุ่มที่มีน้ำตาลสูง ได้แก่ – ทุเรียน   – ขนุน   – น้อยหน่า   – มะขามหวาน   – ละมุด   – มะม่วงสุก   – ลำไย   ผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานได้ […]

เปิดประวัติ เตาอั้งโล่ เตามหาเศรษฐี มีที่มาอย่างไร

เปิดประวัติ เตาอั้งโล่ เตามหาเศรษฐี มีที่มาอย่างไร

เปิดประวัติ เตาอั้งโล่ เตามหาเศรษฐี มีที่มาอย่างไร   วันนี้ เลขเด็ดออนไลน์ จะพามาทำความรู้จักกับ เปิดประวัติ เตาอั้งโล่ ความเป็นมาของเตาหุงต้ม เตามหาเศรษฐีคืออะไร มีมาตั้งแต่สมัยไหน และใครเป็นคนคิดค้น   เตาอั้งโล่ ประวัติและความเป็นมา พลังงานที่ใช้หุงต้มในภาคครัวเรือนทั่วประเทศไทย ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล โดยเฉพาะจากถ่านไม้และฟืนซึ่งมีปริมาณการใช้รวมกันคิดเทียบเป็นไม้ฟืนไม่น้อยกว่า 40 ล้าน ต่อปี และมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าปีละ 7,500 ล้านบาท เชื้อเพลิงไม้นี้หากจะต้องทดแทนด้วยผลิตภัณฑ์น้ำมัน หรือ ก๊าซหุงต้ม ทั้งหมดแล้ว รัฐจะต้องใช้เงินเพิ่มมากกว่ามูลค่าข้างบนถึงประมาณ 3 เท่า นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการจัดจำหน่าย และขีดความสามารถในการซื้อหาของราษฎรที่ยากจนในชนบทเป็นอันมาก ในขณะที่การขาดแคลนเชื้อเพลิงไม้ได้เกิดขึ้นแล้วในชนบทไทยหลายๆ แห่ง และนับวันจะเพิ่มมากขึ้น การใช้ เตาหุงต้ม ในครัวเรือนของประเทศสมัยก่อนส่วนใหญ่ยังคงเป็นเตาหุงต้มที่มีประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ต้องใช้เชื้อเพลิงมากในการหุงต้มแต่ละครั้ง ทั้งเตาถ่าน เตาฟืน และเตาเศษวัสดุอื่นๆ     ประวัติ เตาอั้งโล่ที่ทั่วโลกใช้ เตาอั้งโล่ ความเป็นมาของการใช้เตาหุงต้มในโลก เป็นที่แน่ชัดว่ามีการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล คือไม้ เมื่อ 400,000 ปีมาแล้ว ได้ค้นพบภายในถ้ำของมนุษย์ปักกิ่ง การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในเวลานั้น สันนิษฐานว่าใช้เพื่อความอบอุ่น สำหรับ เตาหุงต้ม เพื่อหุงหาอาหาร ซึ่งทำด้วย เครื่องปั้นดินเผา มาตั้งแต่ดั้งเดิม […]

วิธีการทานเนื้อสัตว์ ให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งได้ไม่ยาก

วิธีการทานเนื้อสัตว์ ให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งได้ไม่ยาก

วิธีการทานเนื้อสัตว์ ให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งได้ไม่ยาก   หลายคนอาจจะเคยทราบมาบ้างแล้วว่า เนื้อสัตว์ เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง แต่ก็ไม่ใช่เนื้อสัตว์ทุกประเภท และวิธีการทานเนื้อสัตว์ที่ถูกต้อง ก็ไม่ได้เพิ่มอันตรายในการเป็นโรคมะเร็งแต่อย่างใด ดังนั้นหากเราเลือกทานเนื้อสัตว์ถูกวิธี เราก็สามารถมีชีวิตที่อยู่รอดปลอดภัยจากโรคมะเร็งได้ไม่ยาก   เลือกกิน “เนื้อสัตว์” อย่างไร ห่างไกล “มะเร็ง”   1. เลือกทานเนื้อสีอ่อน อย่างเนื้อไก่ เนื้อปลา มากกว่าเนื้อแดง (หากคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารทะเล หรือทานให้น้อยลง)     2. เนื้อแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อแพะ เนื้อแกะ หรือเนื้อสัตว์ใหญ่อื่นๆ ยังสามารถทานได้ แต่ไม่ควรทานเกินสัปดาห์ละ 500 กรัม หรือวันละ 5-6 ช้อนโต๊ะ และอย่าลืมปรุงให้สุกก่อนทานเสมอ     3. วิธีปรุงเนื้อสัตว์ ควรทานด้วยวิธีปรุงแบบต้ม นึ่ง ควรหลีกเลี่ยงการปิ้ง หรือย่าง เพราะรอยไหม้ที่เกิดจากการปิ้งย่าง สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งได้   […]