ธรรมคำ สอนสมเด็จโต พรหมรังสี “หมั่นสร้างบารมีไว้…แล้วฟ้าดินจะช่วย”

ธรรมคำ สอนสมเด็จโต พรหมรังสี

ธรรมคำ สอนสมเด็จโต พรหมรังสี

 

“ลูกเอ๋ย… ก่อนที่จะเที่ยวไปขอบารมีจากหลวงพ่อองค์ใด

เจ้าจะต้องมีทุนของตนเอง คือ บารมีของตนลงทุนไปก่อน

เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีของคนอื่นมาช่วย

มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด

เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมเขามาจนล้นตัว

เมื่อทำบุญกุศลได้บารมีมา

ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว

แล้วเจ้าจะไม่มีอะไรไว้ในภพหน้า

หมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเจ้าเอง

จงจำไว้นะ…เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้

ครั้นถึงเวลาทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน

เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า…”

(พุทธสุภาษิตท่านสอนไว้ว่า..”อัตตาหิ อัตตโนนาโถ-ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน”)

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ

…ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) กล่าวว่า เคล็ดลับสู่ความสำเร็จสุดยอดในทางธรรม คือ จะต้องมีสัจจะอันแน่วแน่และมีขันติธรรมอันมั่นคง จึงจะฝ่าฟันอุปสรรค บรรลุความสำเร็จได้

…อาตมามีกฎอยู่ว่า เช้าตีห้าไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้อง อากาศจะหนาว ต้องตื่นทันที ไม่มีการผัดเวลา แล้วเข้าสรงน้ำ ชำระกายให้สะอาด แล้วจึงได้สวดมนต์และปฏิบัติสมถกรรมฐานหนึ่งชั่วโมง พอหกโมงตรงก็ออกบิณฑบาต เพื่อปฏิบัติตามปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

…ฝึกจิตให้ได้ผลต้องตรงต่อเวลา กลับจากบิณฑบาตแล้ว ก็เอาอาหารตั้งไว้ ตักน้ำใส่ตุ่ม เสร็จแล้วฉันอาหารเช้า โดยปกติอาตมาฉันมื้อเดียวเว้นไว้มีกิจนิมนต์ จึงฉันสองมื้อ สี่โมงเช้าถึงเที่ยง ถ้ามีรายการไปเทศน์ ก็ไปเทศน์ตามที่นัดไว้ วันไหนไม่ติดเทศน์ก็จะปิดประตูกุฏิทันที ไม่ให้ใครๆเข้าไป ในช่วงเวลานั้นเป็นเวลาศึกษาตำรา เวลาบ่ายโมงจึงออกรับแขก บ่ายสามโมงไม่ว่าใครจะมาอาตมาจะให้ออกจากกุฏิไปหมด เพราะถึงเวลาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ฉะนั้น จุดสำคัญจงจำไว้ เราจะปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น ต้องมีสัจจะเพื่อตน โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร ถึงเวลาทำสมาธิต้องทำ ไม่มีการผัดผ่อนใดๆ ทั้งสิน

 

หลักการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

1.จะต้องมีสัจจะต่อตนเอง

2.จะต้องไม่คล้อยตามอารมณ์ของมนุษย์

3.พยายามตัดงานในด้านสังคมออก และไม่นัดหมายใครในเวลาปฏิบัติกรรมฐาน

ดังนั้นเมื่อจะเป็นนักปฏิบัติธรรมจำเป็นจะต้องมีกฎเกณฑ์ของเราเพื่อฝึกจิตให้เข้มแข็ง

 

ทางแห่งความหลุดพ้น

…เจ้าประคุณสมเด็จฯ มักจะกล่าวกับสานุศิษย์ทั้งหลายอยู่เสมอว่าชีวิตมนุษย์อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยปีก็ต้องตายและถูกหามเข้าป่าช้า ดังนั้นจึงควรประพฤติปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏท่านเปรียบเทียบว่า มนุษย์อาบน้ำ ชำระกายวันละสองครั้งเพื่อกำจัดเหงื่อไคลสิ่งโสโครกที่เกาะร่างกาย แต่ไม่เคยคิดจะชำระจิตให้สะอาดแม้เพียงนาที ด้วยเหตุนี้ ทำให้จิตใจของมนุษย์ ยุคปัจจุบันเศร้าหมองเคร่งเครียดและดุดัน ก่อให้เกิดปัญหาความพิการในสังคมความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จนกระทั่งเกิดความขัดแย้ง และกลายเป็นสงครามมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกัน

 

แต่งใจ

…ขอให้ท่านได้พิจารณาไตร่ตรองให้จงดีเถิดว่า ร่างกายของเรานี้ไฉนจึงต้องชำระทุกวันทั้งเช้าและเย็นจะขาดเสียไม่ได้ทั้งที่หมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นนิจ แต่ยังมีกลิ่นไม่น่าอภิรมย์ออกมา แม้จะพยายามหาของหอมมาทาทับ ก็ปกปิดกลิ่นนั้นไม่ได้ …ใจของเราล่ะ ซึ่งเป็นใหญ่กว่าร่างกายเป็นผู้สั่งบัญชางาน ให้กายแท้ๆ มีใครเอาใจใส่ชำระสิ่งสกปรกออกบ้าง ตั้งแต่เล็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันสั่งสมสิ่งไม่ดีไว้มากเพียงใด หรือว่ามองไม่เห็นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง ทำความสะอาดหรือ?

 

กรรมลิขิต

…เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตามกรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้ ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต

อดีตกรรม ถ้ากรรมดี เสวยอยู่

ปัจจุบันกรรม สร้างกรรมชั่ว ย่อมลบล้าง

อดีตกรรม กรรมแห่งอกุศล วิบากตน

ปัจจุบัน สร้างกรรมดี ย่อมผดุง

เรื่องกฎแห่งกรรม ถ้าเป็นชาวพุทธแล้ว เขาถือว่าเป็นกฎแห่งปัจจังตัง ผู้ที่ต้องการรู้ ต้องทำเอง รู้เอง ถึงเอง แล้วจึงจะเข้าใจ

 

นักบุญ

…การทำบุญก็ดี การทำสิ่งใดก็ดี ถ้าเป็นการทำตนให้ละทิฏฐิมานะทำเพื่อให้จิตเบิกบาน ย่อมเสวยบุญนั้นในปรภพ มนุษย์ทุกวันนี้ทำแบบมีกิเลส ดังนั้น บางคนนึกว่าเข้าสร้างโบสถ์เป็นหลังๆ แล้วเขาจะไปสวรรค์หรือเปล่า เขาตายไปอาจจะต้องตกนรก เพราะอะไรเล่า เพราะถ้าเขาสร้างด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ เป็นการทำเพื่อเอาบุญบังหน้าในการเสวยความสุขส่วนตัวก็มี บางคนอาจเรียกได้ว่าหน้าเนื้อใจเสือ คือข้างหน้าเป็นนักบุญ ข้างหลังเป็นนักปล้น

 

ละความตระหนี่มีสุข

…ดังนั้นบุญที่เขาทำนี้ถือว่า ไม่เป็นสุข หากมาจากการก่อกรรม บุญนั้นจึงมีกระแสคลื่นน้อยกว่าบาปที่เขาทำเอาไว้หากมีใครเข้าใจคำว่า บุญ นี้ดีแล้ว การทำบุญนี้จุดแรกในการทำก็เพื่อไม่ให้เรานี้เป็นคนตระหนี่ รู้จักเสียสละเพื่อความสุขของผู้อื่น ธรรมดาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เมื่อมีทุกข์ก็ควรจะทุกข์ด้วย เมื่อมีความสุขก็ควรสุขด้วยกัน

 

อย่าเอาเปรียบเทวดา

…ในการทำบุญ สิ่งที่จะได้ก็คือ ระหว่างเราผู้เป็นมนุษย์เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำนี้จะเป็นมงคล ทำให้จิตใจเบิกบานดีนี่คือการเสวยผลแห่งบุญในปัจจุบัน ทีนี้การทำบุญเพื่อจะเอาผลตอบแทนนั้น มนุษย์นี้ออกจะเอาเปรียบเทวดา ทำบุญครั้งใด ก็ปรารถนาเอาวิมานหนึ่งหลังสองหลัง การทำบุญแบบนี้เรียกว่า ทำเพราะหวังผลตอบแทนด้วยความโลภ บุญนั้นก็ย่อมจะไม่มีผล ท่านอย่าลืมว่า ในโลกวิญญาณเขามีกระแสทิพย์รับทราบในการทำของมนุษย์แต่ละคนเขามีห้องเก็บบุญและบาปแห่งหนึ่งอันเป็นที่เก็บบุญและบาปของใครต่อใครและของเรื่องราวนั้นๆ กรรมของใครก็จะติดตามความเคลื่อนไหวของตนๆนั้น ไปตลอดระหว่างที่เขายังไม่สิ้นอายุขัย

 

บุญบริสุทธิ์

…การที่สอนให้ทำบุญโดยไม่ปรารถนานั้นก็เพื่อให้กระแสบุญนั้นบริสุทธิเป็นขั้นที่นึ่ง จะได้ตามให้ผลทันในปัจจุบันชาติ แต่ถ้าตามไม่ทันในปัจจุบันชาติ ก็ติดตามไปให้เสวยผลในปรภพ คือ เมื่อสิ้นอายุขัยจากโลกมนุษย์ไปแล้ว ฉะนั้น เขาจึงสอนไม่ให้ทำบุญเอาหน้า ทำบุญอย่าหวังผลตอบแทน สิ่งดีที่ท่านทำไปย่อมได้รับสนองดีแน่นอน

 

สั่งสมบารมี

…โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับนักปฏิบัติธรรมแล้ว การทำบุญทำทานย่อมเป็นการส่งเสริมการปฏิบัติจิตให้บรรลุธรรมได้เร็วขึ้นเป็นบารมีอย่างหนึ่ง ในบารมีสิบทัศที่ต้องสั่งสม เพื่อให้สำเร็จมรรคผลนิพพาน

 

เมตตาบารมี

…การทำบุญให้ทานเพียงแต่เรียกว่า ทานบารมี หากบำเพ็ญสมาธิจิตจนได้ญาณบารมี และโดยเฉพาะการบำเพ็ญทุกอย่างนั้น ถ้าท่านให้โดยไม่มีเจตนาแห่งการให้ ให้สักแต่ว่าให้เขาท่านก็ย่อมได้กุศลเรียกว่าไม่มากและทัศนคติของอาตมาว่าการบำเพ็ญเมตตาบารมีในภาวนาบารมีนั้นได้กุศลกรรมกว่าการให้ทาน

 

แผ่เมตตาจิต

…ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสัมฤทธิ์ผลนั้น เกิดจากกรรม 3 อย่าง คือ มโนกรรม เป็นใหญ่ แล้วค่อยแสดงออกมาทางวจีกรรม หรือกายกรรมที่เป็นรูป การบำเพ็ญสมาธิจิตเป็นกุศลดีกว่า เพราะว่า การแผ่เมตตา 1 ครั้ง ได้กุศลมากกว่าสร้างโบสถ์ 1 หลัง ขณะจิตที่แผ่เมตตานั้น จะเกิดอารมณ์แจ่มใส สรรพสัตว์ไม่มีโทษภัย ตัวท่านก็ไม่มีโทษภัย ฉะนั้น เขาจึงว่านามธรรมมีความสำคัญกว่า

 

อานิสงส์การแผ่เมตตา

…ผู้ปฏิบัติธรรมนั้น ต้องรู้จักคำว่า แผ่เมตตา คือต้องเข้าใจว่า ความวิเวกวังเวงแห่งการคิดนึกของเราแต่ละบุคคลนั้น มีกระแสแห่งธาตุไฟผสมอยู่ในจิตและวิญญาณกระจายออกไปเมื่อจิตของเรามีเจตนาบริสุทธิ์ เมื่อจิตของเราเป็นมิตรกับทุกคน เมื่อนั้นเขาก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา เสมือนหนึ่งเราให้เขากินอาหาร คนที่กินอาหารนั้นย่อมคิดถึงคุณของเรา หรืออีกนัยหนึ่งว่าเราผูกมิตรกับเขาๆก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา แม้แต่คนอันธพาล เราแผ่เมตตาจิตให้ทุกๆวัน สักวันหนึ่งเขาก็ต้องเป็นมิตรกับเราจนได้ เมื่อจิตเรามีเจตนาดีต่อดวงวิญญาณทุกๆดวง ดวงวิญญาณทุกๆดวงย่อมรู้กระแสแห่งจิตของเรา เรียกว่ามนุษย์เรานี้มีกระแสธาตุไฟออกจากสังขาร เพราะเป็นพลังแห่งการนั่งสมาธิจิต วิญญาณจะสงบ ธาตุทั้ง 4 นั้น จะเสมอแล้วจะเปล่งเป็นพลังงานออกไป ฉะนั้น ผู้ที่นั่งสมาธิปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จิตแน่วแน่แล้ว โรคที่เป็นอยู่มันจะหายไป ถ้าสังขารนั้นไม่ใช่จะพังเต็มทีแล้ว คือไม่ถึงวาระสิ้นอายุขัย หรือว่าสังขารนั้นร่วงโรยเกินไปแล้ว ก็จะรักษาให้มันกระชุ่มกระชวยได้หรือจะให้มันสบายหายเป็นปกติดั่งเดิมได้

 

ประโยชน์จากการฝึกจิต

…ผู้ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนมีสมาธิแน่วแน่ เมื่อจิตนิ่งก็รู้ตน เริ่มพิจารณาตน รู้ตนเองได้ ปัญญาก็เกิดขึ้น ปัญญานี้เรียกว่า ปัญญาภายในจากจิตวิญญาณ ซึ่งเราจะใช้ปัญญานี้ได้แน่นอน เมื่อเกิดมีปัญหาขึ้นในชีวิตตลอดระยะเวลาอันยาวนานข้างหน้า นี่คือประโยชน์ของการฝึกจิตแล้ว คุณของสมาธิยังเป็นพลังป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัย เจ็บป่วยได้ กล่าวคือ การบำเพ็ญจิต จนจิตสงบนิ่งแล้ว ระบบต่างๆทางประสาทจะได้รับการพักผ่อน เป็นการปรับธาตุในกายให้เกิดพลังจิตเข้มแข็ง กายเนื้อก็จะแข็งแรงกระชุ่มกระชวยด้วย โลหิตในร่างกายจะหมุนเวียนสะดวกขึ้น ความตึงเครียดตามร่างกายและประสาทต่างๆ จะผ่อนคลายเป็นปกติ โรคต่างๆจะลดน้อยลงโดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง หายป่วยได้ด้วยการฝึกจิตและเดินจงกรม

 

 

 

เลขเด็ดออนไลน์ ตรวจผลหวยรัฐบาล หวยลาว หวยฮานอย หวยมาเลย์ แนวทางหวย รวบรวมทุกอย่างครบจบในเว็บเดียวเพื่อความสะดวกสบาย และยังมี วิธีการขอหวย สถานที่ขอหวยที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยรวบรวมมให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านศึกษากันอย่างครบครัน แนวทางที่ทางเว็บเรานำมาแบ่งปันให้คนรักหวยได้ชม.

*** ดวงรายวัน เลขเด็ดมงคล เลขมงคล เลขเสี่ยงทาย ดูดวงจากตัวเลข ทำนายฝัน ***

ต้องที่นี่ >>> เลขเด็ดออนไลน์ <<<

 

 

 

ที่มา… หนังสือสวดมนต์วัดระฆัง โฆสิตาราม,youtube.com,หนังสือคำสอนธรรมของ สมเด็จโต พรหมรังสี

เรื่องน่าสนใจ

ฝันว่าทะเลาะกับเพื่อน ลางบอกเหตุ พร้อมตีเลขเด็ด ซื้อหวยงวดนี้

ฝันว่าทะเลาะกับเพื่อน ลางบอกเหตุ พร้อมตีเลขเด็ด ซื้อหวยงวดนี้

เปิดตำราพยากรณ์ ทำนายฝัน ตีเลขเด่น หวยเด็ด กับ เลขเด็ดออนไลน์ ฝันว่าทะเลาะกับเพื่อน เลขเด็ด จะมีเลขอะไรบ้าง แล้วมีความหมาย ว่าอย่างไร ถ้าเกิดว่าคุณเป็นคนที่ฝันเห็นเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อน เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน หากฝันเช่นนี้ จะส่งผลอย่างไรกับชีวิตจริงบ้างหรือเปล่า ไปดูดวง และดูคำทำนายกันเลย. ฝันว่าเลิกกับแฟน ลางบอกเหตุ ฝันว่าบอกเลิกแฟน เลขเด็ด ทำนายฝัน ฝันว่านั่งแท็กซี่ ทำนายฝัน บอกความหมาย ตีเลขเด็ดให้โชค ฝันว่านั่งรถเมล์ เลขเด็ด ทำนายฝันให้โชคเกี่ยวกับฝัน ฝันว่าทะเลาะกับเพื่อน ลางบอกเหตุ พร้อมตีเลขเด็ด ซื้อหวยงวดนี้ ฝันว่าทะเลาะกับเพื่อน เลขเด็ด ฝันว่าทะเลาะกับเพื่อน ความหมาย สำหรับคนที่ฝันว่าทะเลาะกับเพื่อน แปลว่า คนโสดจะมีเกณฑ์ได้พบรักกับคนที่มีเจ้าของแล้ว คนมีคู่ระวังคนรักปันใจ รวมถึงเจอเรื่องเครียด และแรงกดดัน ต้องรับภาระหลายอย่าง แต่จะมีโอกาสดี ๆ เข้ามา หรือมีดวงที่จะได้เดินทาง เลขเด็ดนำโชคน่าซื้อ 8 31 47 56 ฝันว่าทะเลาะกับเพื่อนเก่า ฝันว่าทะเลาะกับเพื่อนเก่า แปลว่า […]

ดวงคู่สมพงษ์ ตามปีนักษัตร ยิ่งรักกัน ยิ่งทำให้รวย ปีนักษัตรที่คู่กัน ปีนักษัตรที่ส่งเสริมกัน !!

ดวงคู่สมพงษ์ ตามปีนักษัตร ยิ่งรักกัน ยิ่งทำให้รวย ปีนักษัตรที่คู่กัน ปีนักษัตรที่ส่งเสริมกัน !!

ดวงคู่สมพงษ์ ตามปีนักษัตร ยิ่งรักกัน ยิ่งทำให้รวย   ดวงคู่สมพงษ์ ตามปีนักษัตร ยิ่งรักกัน ยิ่งทำให้รวย ปีนักษัตรที่คู่กัน ปีนักษัตรที่ส่งเสริมกัน แฟนของคุณ จะช่วยหนุนนำให้ชีวิตดี หรือควรระวังในเรื่องไหนบ้าง เช็คได้ที่นี่เลยค้าป! วันนี้ เลขเด็ดออนไลน์ มีคำทำนายดวงคู่สมพงษ์ ดวงเนื้อคู่ ปี 2563 ที่เขาบอกกันมาว่า แม่นมาก มาฝาก โดยในตำราดูคู่ของชาวจีนได้บันทึกไว้ว่า คู่นักษัตรที่ดวงสมพงษ์กัน เมื่อได้แต่งงานกัน จะช่วยเสริมดวง หนุนนำให้ชีวิตดี ในแต่ละด้าน ดังต่อไปนี้… คนเกิดปีชวด ตามนักกษัตรจีนกล่าวว่า ปีชวด หากินเก่ง ปากจัด มั่งมี (ขึ้นอยู่กับดวง) ปีเสริมดวง จะแต่งงาน จะหุ้นส่วน จะคบหาล้วนดีทั้งสิ้นคือ 1. ปีฉลู (วัว) เสริมดวงเงิน 2. ปีมะโรง (งูใหญ่) เสริมความคิด 3. ปีวอก (ลิง) เสริมความสุข ปีที่ห้าม […]

6 วิธีประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้านตามสไตล์แม่บ้าน ให้เข้ากับยุค กับเศรษฐกิจแบบนี้ !!

6 วิธีประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้านตามสไตล์แม่บ้าน ให้เข้ากับยุค กับเศรษฐกิจแบบนี้ !!

6 วิธีประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้านตามสไตล์แม่บ้าน   จะเป็นแม่บ้านมือหนึ่งยุคนี้ ต้องไม่ใช่แค่ปัดกวาดเช็ดถูสะอาดเอี่ยมอ่องเท่านั้น แต่ต้องฉลาดหลักแหลมรอบด้านด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ขอบอกเลยว่าห้ามพลาด เรามีวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้านตามสไตล์แม่บ้าน 2020 มาฝากกัน วิธีที่ 1 ประหยัดไฟฟ้าอย่างเคร่งครัด ค่าไฟฟ้าถือเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโตของหลายๆ บ้านเลยทีเดียว ดังนั้นการช่วยกันประหยัดไฟฟ้าอย่างเคร่งครัดจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในบ้านได้เป็นอย่างดี โดยวิธีประหยัดไฟฟ้าก็มีหลากหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปิดไฟดวงที่ไม่ใช้งาน ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้งาน เลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซ้นส์ เปิดแอร์เท่าที่จำเป็น ไม่เปิดตู้เย็นบ่อย หรือรีดผ้าครั้งละมากๆ  วิธีที่ 2 ซื้อของแบบยกแพ็ค การซื้อของแบบยกแพ็คช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการซื้อทีละชิ้น เพราะทำให้ได้ราคาเฉลี่ยต่อชิ้นที่ถูกลง โดยวิธีนี้เหมาะสำหรับการซื้อข้าวของที่ใช้เป็นประจำ เช่น สบู่ ยาสีฟัน น้ำมันพืช เป็นต้น วิธีที่ 3 จับจ้องของเซลและโปรโมชั่น ของถูกและดีก็มีอยู่ในโลก ดังนั้นจึงควรจับจ้องการลดราคาสินค้าหรือโปรโมชั่นต่างๆ อย่างซื้อ 1 แถม 1 เอาไว้ให้ดีเพราะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้านได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจอของถูกและดีที่ต้องใช้เป็นประจำ ขอแนะนำให้รีบซื้อกักตุนไว้เลย     วิธีที่ 4 ลดการกินข้าวนอกบ้าน ลดการกินข้าวนอกบ้านเท่ากับเป็นการลดค่าใช้จ่าย เพราะการกินข้าวนอกบ้านอย่างน้อยๆ ก็ต้องเริ่มต้นที่หลักร้อย […]

9 เรื่องบ่าวสาวต้องเตรียมพร้อมเพื่อ พิธีสงฆ์ ในงานแต่งให้ผ่านฉลุยเลย !!

9 เรื่องบ่าวสาวต้องเตรียมพร้อมเพื่อ พิธีสงฆ์ ในงานแต่งให้ผ่านฉลุยเลย !!

9 เรื่องบ่าวสาวต้องเตรียมพร้อมเพื่อ พิธีสงฆ์ ในงานแต่ง ต่อไปนี้คือสิ่งที่บ่าวสาวต้องเตรียมสำหรับ พิธีสงฆ์ หนึ่งในพิธีการสำคัญวันแต่งงานของบ่าวสาวชาวไทยก็คือ พิธีสงฆ์ ที่ถือปฏิบัติกันต่อๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณจนกระทั่งทุกวันนี้ ซึ่งในการเตรียมพิธีสงฆ์นี้บางคู่ก็เลือกวิธีง่ายๆ คือให้ทางวัดหรือทางเจ้าของสถานที่เป็นผู้จัดการให้ แต่สำหรับบางคู่ที่อยากดูแลพิธีนี้ด้วยตัวเอง เพราะจัดเป็นการภายในหรือมีวัดที่สนิทกันเป็นพิเศษ ต้องไม่ลืมเตรียมพร้อมกับ 9 เรื่องต่อไปนี้นะ   1. เตรียมการนิมนต์พระ บางบ้านนับถือเพียงวัดเดียว บางบ้านมีหลายวัดที่ไปทำบุญบ่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่ต้องตัดสินใจให้ได้ก่อนก็เรื่องนี้แหละค่ะ จะไปนิมนต์พระมาจากวัดไหน ซึ่งเวลาที่จะไป อย่าเพียงแค่บอกกับทางวัดว่าจะแต่งงานแล้วเชิญมาทำพิธี เพราะพระท่านก็มีศาสนกิจอื่นๆ ที่ต้องทำ ดังนั้นเตรียมข้อมูลแน่ๆ ไปเลยว่าจะนิมนต์มาในวันไหน สถานที่ใด มีพิธีอะไรบ้าง จะมีเลี้ยงเพลหรือไม่ และมีคนมารับพระจากวัดไปหรือไม่ ติดต่อประสานงานกับใคร โดยอาจเป็นการนิมนต์ด้วยวาจาล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน กำลังดี หรือใช้ใบอาราธนาที่เรียกว่า “ฏีกานิมนต์” เพื่อแจ้งวัตถุประสงค์ให้พระสงฆ์   2. เตรียมพร้อมสถานที่ การเตรียมพร้อมของสถานที่ไม่ใช่แค่การทำความสะอาดพื้นที่ให้เอี่ยมอ่อง แต่คือการคำนวณพื้นที่ให้พอดีกับจำนวนพระสงฆ์ที่นิมนต์มา พื้นที่สำหรับบ่าวสาวประกอบพิธี และพื้นที่สำหรับแขกที่เชิญมาร่วมพิธี ดังนั้นว่าที่บ่าวสาวจึงควรเลือกห้องหรือพื้นที่ที่ตอบโจทย์ที่ว่านี้ทั้งหมด จากนั้นทำความสะอาดให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมพร้อมการจัดเครื่องใช้ในพิธีต่อไป   3. เตรียมจัดอาสนะและเครื่องใช้สำหรับพระสงฆ์ ว่าที่บ่าวสาวส่วนใหญ่เลือกใช้วิธียืมของจากทางวัด โดยแจ้งให้เจ้าหน้าที่วัดมาดูแลจัดให้ก็ได้ […]