เพื่อสุขภาพที่ดี ควรรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร และ เวลาไหนไม่ควรทำอะไร

เพื่อสุขภาพที่ดี ควรรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร

เพื่อสุขภาพที่ดี ควรรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร

สำคัญมาก ตื่นตอนไหน นอนตอนไหน เวลาไหนควรทำอะไร
บางครั้งการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ทำไมสุขภาพยังแย่ ป่วยบ่อย เพราะ หลายๆคนยังเข้านอนไม่ถูกเวลา หลายๆคนยังไม่รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร และ เวลาไหนไม่ควรทำอะไร

 

 

หลายๆคนยังไม่เคยได้ยินคำว่า “นาฬิกาชีวิต” รู้หรือไม่ว่า กระบวนการทำงานต่างๆในร่างกายนั้นถูกกำหนดด้วยเวลา ทุกอวัยวะจะทำงานตามเวลาของมันเองอย่างเป็นระบบ ซึ่งถูกกำโดยธรรมชาติตั้งแต่ยุคสมัยบรรพบุรุตแล้ว เมื่อก่อนมนุษย์เราไม่มีนาฬิกาบอกเวลา ทำให้ร่างกายรับรู้เวลาจากแสงอาทิตย์นั่นเอง ดวงอาทิตย์ขึ้น ดวงอาทิตย์ตก ช่วยปรับให้ร่างกายทำงานเป็นระบบ เราต้องตื่นในตอนกลางวัน และ เข้านอนในตอบกลางคืน ธรรมชาติกำหนดมาแบบนั้น แต่ปัจจุบันเรามีแสงจากหลอดไฟ ทำให้การใช้เวลาของเราผิดไปจากธรรมชาติอย่างมาก

 

เพื่อสุขภาพที่ดี ควรรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร

 

แล้วเวลาไหนควรทำอะไร…

01.00 ? 03.00 น. เราควรนอนหลับพักผ่อนให้สนิท เพราะช่วงนี้เป็นการทำงานของ “ตับ” ซึ่งถ้าหลับสนิท ตับจะหลั่งสารมีราโทนินเพื่อกำจัดเชื้ อ โ รค ในร่างกาย แต่ถ้าใครไม่ยอมนอน แถมยังใช้ร่างกายหนักๆ ด้วยการกิน ตับจะต้องทำงานหนักด้วยการหลั่งน้ำย่อยออกมา โดยไม่ได้ทำหน้าที่ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ส่งผลให้สารพิษตกค้างมาก

03.00 ? 05.00 น. คนที่อยากผิวสวย หน้าใสควรตื่นนอนเวลานี้เพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เพราะช่วงนี้เป็นเวลาทำงานของ “ปอด” เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนได้เต็มที่

05.00 ? 07.00 น. ฝึกการขับถ่ายอุจจาระให้เป็นนิสัยในช่วงนี้ เพราะเป็นเวลาการทำงานของ “ลำไส้ใหญ่” ถ้าใครถ่ายไม่ออกลองทานกล้วย 1 ลูก แล้วตามด้วยน้ำอุ่นๆ สัก ๑ แก้วดู

07.00 ? 09.00 น. นอกจากจะตื่นเช้ามาสูดอากาศและขับถ่ายให้เป็นเวลาแล้ว เราควรกินอาหารมื้อเช้าในช่วงเวลานี้เพื่อให้ร่างกายมีพลังงาน และช่วยให้ “กระเพาะอาหาร” แข็งแรง

 

09.00 ? 11.00 น. ช่วงเวลานี้ “ม้าม” จะทำงานได้ดีซึ่งหน้าที่ของม้ามคือควบคุมไขมัน สร้างน้ำเหลือง และ ควบคุมกระแสโลหิต ใครที่มานอนเอาช่วงนี้ม้านจะอ่อนแอได้นะคะ

11.00 ? 13.00 น. ช่วงนี้กรุณาหากิจกรรมที่ไม่เครียด ไม่ตื่นเต้นตกใจง่ายมาทำ เพราะเป็นช่วงที่ “หัวใจ” ต้องทำงานหนักถ้าใครทำงานเครียดๆ ลองผ่อนคลายอารมณ์ลง แล้วหันไปทำงานที่ไม่ต้องใช้หัวคิดให้มากนัก

13.00 ? 15.00 น. เวลานี้ควรละเว้นไม่กินอาหารทุกชนิด เพื่อให้ “ลำไส้เล็ก” ทำงานได้เต็มที่ ปกติแล้วลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดซึมอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วินามินบี ซี โปรตีน ซึ่งทำหน้าที่สร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมอง และ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

15.00 ? 17.00 น. ถ้าบังเอิญวันไหนเลิกงานไวๆ เราสามารถเข้าฟิตเนส หรือไม่ก็ไปอบตัว หรือจะไปออกกำลังกายกลางแจ้งเพื่อให้เหงื่อออก เพราะเป็น เวลาการทำงานของ “กระเพาะปัสสาวะ” ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำ ธัยรอยด์

17.00 ? 19.00 น. ใครชอบนั่งสัปหงกในเวลานี้อาจจะเป็นไปได้ว่า “ไต” ทำงานไม่ดี เพราะช่วงนี้ เป็นเวลาของไต ซึ่งคนทำงานควรทำจิตใจให้แจ่มใสอย่าเครียด คนที่เป็นโรคไตจะเป็นหวัดง่าย แถมยังปวดหลัง มีเสลดในคอ ฯลฯ ฉะนั้นควรหมั่นดูแลตัวเองด้วยการอาบน้ำเย็นในตอนเช้า และ อาบน้ำอุ่นในตอนเย็น

19.00 ? 21.00 น. ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ช่วงเวลานี้ไปกับการสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ เพราะเป็นเวลาของ “เยื่อหุ้มหัวใจ” คนไหนดูแลตัวเองไม่ดีในช่วงนี้มีสิทธิ์เสี่ยงเป็นโรคหัวใจโต หัวใจรั่ว ฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยงการเจอกับเรื่องตื่นเต้น ตกใจ หรือดีใจสุดขีด

 

21.00 ? 23.00 น. ใครที่ทำงานมาเพิ่งกลับถึงบ้านในเวลานี้ อย่าเพิ่งกระโจนเข้าห้องน้ำอาบน้ำในทันที เพราะ เวลานี้ร่างกายต้องการความอบอุ่น ฉะนั้นไม่ควรอาบน้ำเย็น ถ้าต้องอาบให้อาบน้ำอุ่น อย่าไปยืนตากลมนอกบ้าน เพราะจะป่วยได้ง่ายมาก

23.00 ? 01.00 น. ช่วงนี้เป็นเวลาของ “ถุงน้ำดี” ซึ่งทำหน้าที่เป็นถุงสำรองเก็บน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ ถ้าร่างกายขาดน้ำ อวัยวะในร่างกายจะไปดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น ส่งผลให้เหงือกบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ หรือสะดุ้งตื่นกลางดึก

 

 

หากท่านกำลังมีปัญหาด้านสุขภาพแต่หาสาเหตุไม่ได้ บางทีการที่เราทำอะไรผิดไปจากนาฬิกาชีวิต นี่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาโดยที่เราไม่รู้ตัว ยังไงก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูเท่าที่ทำได้นะครับ เริ่มรักษาสุขภาพตั้งแต่ตอนที่ยังมีโอกาส

 

 

ติดตามอ่านความเชื่อ และคำทำนายแม่นๆแบบนี้ได้ใหม่ที่ www.lekdedonline.com

 

เลขเด็ดออนไลน์ ตรวจผลหวยรัฐบาล หวยลาว หวยฮานอย หวยมาเลย์ แนวทางหวย รวบรวมทุกอย่างครบจบในเว็บเดียวเพื่อความสะดวกสบาย และยังมี วิธีการขอหวย สถานที่ขอหวยที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยรวบรวมมให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านศึกษากันอย่างครบครัน แนวทางที่ทางเว็บเรานำมาแบ่งปันให้คนรักหวยได้ชม.

*** ดวงรายวัน เลขเด็ดมงคล เลขมงคล เลขเสี่ยงทาย ดูดวงจากตัวเลข ทำนายฝัน ***

ต้องที่นี่ >>> เลขเด็ดออนไลน์ <<<

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : gangbeauty

ภาพจาก : pixabay

เรื่องน่าสนใจ

ความเชื่อชาวญี่ปุ่น ปลาดุกยักษ์ทำให้เกิดแผ่นดินไหว

ความเชื่อชาวญี่ปุ่น ปลาดุกยักษ์ทำให้เกิดแผ่นดินไหว

ความเชื่อชาวญี่ปุ่น ปลาดุกยักษ์ทำให้เกิดแผ่นดินไหว   หมู่เกาะญี่ปุ่นตั้งอยู่บนวงแหวนแห่งไฟ หรือ Ring of Fire ซึ่งเป็นแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลกทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกจึงทำให้เกิดแผ่นดินไหวอยู่ตลอดทั้งปี ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อสืบทอดกันมาแต่โบราณว่าอาการดิ้นพล่านของปลาดุกเป็นสัญญาณเตือนว่าจะเกิดแผ่นดินไหว โดยชาวญี่ปุ่นแต่ครั้งโบราณมีความเชื่อว่าในใต้พิภพนี้มีปลาดุกยักษ์อาศัยอยู่ เมื่อปลาดุกดิ้นครั้งใด ก็จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว ความเชื่อนี้หาได้เป็นสิ่งที่เลื่อนลอยไม่ ในปีคศ.2011 หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงทางชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น คณะกรรมาธิการวุฒิสภาตรวจสอบการบริหารราชการ ได้เชิญศาสดาจารย์ท่านหนึ่งจากมหาวิทยาลัยโกเบ เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างปลาดุกกับแผ่นดินไหว ศาสดาจารย์ท่านนั้นได้ให้ข้อมูลว่า ปลาดุก เป็นสัตว์ที่มีความไวต่อกระแสไฟฟ้าและความสั่นสะเทือน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะรับรู้ถึงการเกิดแผ่นดินไหวก่อนที่มนุษย์จะรู้สึก แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า อาการดิ้นพล่านของปลาดุก กับปฏิกริยาที่ไวต่อกระแสไฟฟ้าและการสั่นสะเทือนนี้ จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำนายการเกิดแผ่นดินไหวได้ล่วงหน้าหรือไม่อย่างไร สัตว์หลายชนิดมีสัญชาติญาณและประสาทสัมผัสที่ไวต่อการรับรู้ถึงความผิดปกติของภัยธรรมชาติ เช่น การที่มดขนไข่หนีก่อนที่จะเกิดฝนตกน้ำท่วม เป็นต้น    ภัยแผ่นดินไหวเองก็เช่นกัน เรามักได้จะยินข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมประหลาดๆของสัตว์ ในยามก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ที่จังหวัด Ibaragi ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียว มีศาลเจ้าแห่งหนึ่งสร้างขึ้นในสมัย 660 ปีก่อนคริสตกาล ศาลเจ้าแห่งนี้ชื่อว่า Kashima (鹿島神宮 : Kashima jinguu) เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้า Kashima เพื่อขอให้พิทักษ์ภัยจากแผ่นดินไหว โดยการใช้หินขนาดใหญ่เรียกว่า Kaname ishi (要石) กดทับปลาดุกยักษ์นั้นไว้ ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ จะมีแท่งหินฝังลึกลงไปในดิน […]

บ้า หรือไม่บ้าพิสูจน์ได้ วิธีตรวจหาโรคจิตแบบหมอโบราณ

บ้า หรือไม่บ้าพิสูจน์ได้ วิธีตรวจหาโรคจิตแบบหมอโบราณ

บ้า หรือไม่บ้าพิสูจน์ได้ วิธีตรวจหาโรคจิตแบบหมอโบราณ   บทความนี้ ทางเลขเด็ดออนไลน์ ได้นำเรื่องราวความเชื่อโบราณ มาฝากกัน อาการผิดปกติทางจิตมีมานานตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แต่แปลกมากที่คนรุ่นใหม่ยังคงมีอาการที่ป่วยเรียกว่าโรคจิต โรคประสาทอยู่จนบางคนมีอาการโดยที่คนรอบตัวและตัวเองไม่ทราบ จะทราบเมื่อมีจิตแพทย์ตรวจพิสูจน์แล้ว อยากทราบไหมว่าคนโบราณมีความเชื่อว่าใครป่วย ไม่ป่วยโดยการพิสูจน์แบบหมอโบราณ จะพิสูจน์อย่างไร   เอกสารจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติว่า สมัยก่อนมีวิธีตรวจคนเสียจริต จิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบโดยสังเกตอาการลมบาทจิต มีอาการรับประทานอาหารไม่ได้ คลื่นเหียน นอนไม่หลับ ซึมเศร้านานติดต่อกันสองอาทิตย์ ร่วมกับอาการท้องผูก มีลมในช่องท้อง บางรายพบอาการร่วมกับอาการเพ้อคลั่งดุร้าย มีอาการตาขุ่นมัว เจอภาพหลอน ตัวร้อนจัดมีเหงื่อออกมาก อาการโดยรวมคล้าย ๆ กับอาการที่ว่า คนป่วยบางคนอาจแสดงอาการมากน้อยต่างกันออกไป สมัยโบราณสรุปว่าคือคนวิกลจริต สมัยก่อนมีการบันทึกว่ามีโรงพยาบาลสำหรับรักษาอาการทางจิตเรียกว่า โรงพยาบาลคนเสียจริต โดยมีญาติผู้ป่วยนำมาฝากมาขังไว้ หมอโบราณสมัยก่อนจะรักษาโดยยาต้ม ยาหม้อทำให้ผู้ป่วยง่วงซึม ลดอาการทางจิตลง ไม่มีการบำบัดรักษาอย่างสมัยใหม่ แต่สมัยอยุธยาการแพทย์ไม่เจริญมากนัก จะมีความเชื่อว่าคนที่มีอาการทางจิตคือคนต้องมนต์ เจอผู้อื่นเสกบางสิ่งบางอย่างเข้าร่างจนวิกลจริต ฉะนั้นคนป่วยทางจิตในยุคก่อนจะมีการรักษาแบบใช้เวทย์มนต์สะกด และแก้ไขปัดเป่ามนต์ร้ายออกจากตัว คนรุ่นใหม่ที่บุคลิกภายนอกมองไม่ออก ว่ามีอาการป่วยแต่มีอาการป่วยทางจิตจำนวนมาก เพราะความเครียด การกดดันจากสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จนบางคนเริ่มมีอาการซึมเศร้า แสดงออกทางอารมณ์ที่รุนแรง การรักษาสมัยใหม่เปลี่ยนไปจากเดิมคนที่มีอาการจะมีโอกาสกลับมาสู่สภาพปกติได้มากกว่าสมัยก่อน     […]

ความเชื่อ.. ทำไมถึงใช้มือซ้ายกินข้าวไม่ได้ !!

ความเชื่อ.. ทำไมถึงใช้มือซ้ายกินข้าวไม่ได้ !!

ทำไมถึงใช้มือซ้ายกินข้าวไม่ได้ !!   วันนี้ ทาง เลขเด็ดออนไลน์ จะนำเสนอให้ท่านได้ทราบเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า ทำไมถึงใช้มือซ้ายกินข้าวไม่ได้ !!  “ใช้มือซ้ายล้างก้น แล้วยังใช้มือนั้นมาจับอาหารกินเหรอ” ไม่น่าเชื่อ! มีบางประเทศที่ใช้มือกินข้าว และต้อใช้มือล้างก้นเช่นกัน แต่ว่าประเทศดังกล่าวเหล่านี้จะมีกฎที่เข้มงวด คือจะต้องกินข้าวด้วยมือขวาและล้างก้นด้วยมือซ้ายเท่านั้น หากใช้มือเดียวกันทำธุระทั้งสองอย่าง จะถือว่าเป็นมารยาทที่ไม่ดี                                                                                                                  ประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาฮินดูเชื่อว่า หากใช้อุปกรณ์ในการกินอาหาร จะถือเป็นการเสียมารยาท ดังนั้นจึงต้องใช้มือในการกินอาหารเท่านั้น ฉะนั้นในประเทศอินเดีย แม้จะเป็นแกงกระหรี่ที่ร้อนปุดๆก็จะต้องใช้มือกินเช่นกัน การกินอาหารวิธีนี้ถึงแม้จะทำให้มือเปื้อน แต่ทางภัตตาคารจะจัดเตรียมน้ำสำหรับล้างมือไว้ให้ด้วย   สรุป : อย่างไรก็ตามอยู่ที่แต่ละคนจะเชื่อหรือไม่ และอยู่ที่ความถนัดของแต่ละคนด้วย ของแบบนี้สามารถหัดกันได้ ยิ่งหัดตั้งแต่ยังเด็กๆ จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่า     ติดตามอ่านความเชื่อ และคำทำนายแม่นๆแบบนี้ได้ใหม่ที่ www.lekdedonline.com เลขเด็ดออนไลน์ ตรวจผลหวยรัฐบาล หวยลาว หวยฮานอย หวยมาเลย์ แนวทางหวย รวบรวมทุกอย่างครบจบในเว็บเดียวเพื่อความสะดวกสบาย และยังมี วิธีการขอหวย สถานที่ขอหวยที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยรวบรวมมให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านศึกษากันอย่างครบครัน แนวทางที่ทางเว็บเรานำมาแบ่งปันให้คนรักหวยได้ชม. *** ดวงรายวัน เลขเด็ดมงคล เลขมงคล เลขเสี่ยงทาย ดูดวงจากตัวเลข ทำนายฝัน […]

5 วิธีเก็บเงินเที่ยวต่างประเทศ ในงบ 30,000 บาท เที่ยวต่างประเทศ งบน้อย ก็ไปได้ !!

5 วิธีเก็บเงินเที่ยวต่างประเทศ ในงบ 30,000 บาท เที่ยวต่างประเทศ งบน้อย ก็ไปได้ !!

5 วิธีเก็บเงินเที่ยวต่างประเทศ ในงบ 30,000 บาท ในช่วงนี้ไม่ว่าจะเลื่อนหน้าฟีดเฟซบุ๊คหรืออินสตาแกรมไปทางไหน ก็เห็นแต่คนหนีร้อนไปเที่ยวต่างประเทศกันทั้งนั้น ก็แหม…สภาพอากาศบ้านเรามันช่างร้อนแรงเสียยิ่งกว่าอะไร ถ้าได้ไปคลายร้อน รับลมเย็น สัมผัสความหนาวที่ต่างประเทศก็คงจะฟินน่าดู แต่พอดูเงินในบัญชีตอนนี้คงมีพอแค่เที่ยวแต่ในประเทศ เห็นทีคงต้องเร่งเก็บเงินเที่ยวซะแล้วล่ะ ว่าแล้ววันนี้เราก็มีเทคนิคเคล็ดลับดีๆ ในการเก็บเงินเที่ยวต่างประเทศในงบ 30,000 บาทมาฝากกัน มาดูกันว่าจะมีวิธีใดบ้าง   ตั้งเป้าหมายในการเก็บเงิน อย่างที่บอกไปว่าในครั้งนี้ เราจะเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศให้ได้ในงบประมาณ 30,000 บาท ซึ่งเราก็ต้องวางแผนกันก่อนว่า เราจะไปเที่ยวที่ไหน วันไหน ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไร แล้วจะมีเวลาเก็บเงินอีกนานไหม ซึ่งถ้าจะดีแนะนำว่าควรวางแผนเที่ยวล่วงหน้าสัก 1 ปี จะได้มีเวลาเก็บเงิน ค่อยๆ เก็บสะสมวันละนิดวันหน่อย จะได้ไม่หนักจนเกินไปค่ะ และที่สำคัญคือควรดูพวกโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน โปรโมชั่นที่พัก หรือเที่ยวแบบแพ็กเกจทัวร์ ก็จะช่วยประหยัดงบในการท่องเที่ยวได้เหมือนกัน     วางแผนการออมเงิน สมมติว่าเรามีเวลาเหลืออีก 6 เดือนที่จะต้องเก็บเงินเพื่อไปเที่ยว แบบนี้ก็สามารถแบ่งเงินออมในแต่ละวันออกมาได้ เช่น เก็บเงินวันละ 200 บาท x 6 เดือน หรือประมาณ 180 วัน ก็จะได้เงินเก็บเท่ากับ 36,000 บาท ซึ่งมากกว่าที่เราตั้งเป้าไว้เสียอีก หรือถ้าไม่สะดวกเก็บรายวัน จะเก็บเป็นรายเดือนก็ได้ โดยหักจากเงินเดือน เดือนละ 5,000-6,000 บาท เท่านี้ก็เก็บเงินไปเที่ยวได้สมใจแล้ว   งดใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ฟุ่มเฟือย เมื่อรู้แผนแล้วว่าต้องเก็บเงินวันละเท่าไร หรือเดือนละเท่าไร […]